ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 356,132 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 29, 2014 17:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ ( 22 – 26 กันยายน 2557 ) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 356,132 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 71,226 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 3% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 59% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 211,574 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 101,630 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 8,765 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 4.7 ปี) LB236A (อายุ 8.7 ปี) และ LB21DA (อายุ 7.2 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 26,475 ล้านบาท 20,885 ล้านบาท และ 17,070 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB14D25B (อายุ 91 วัน) CB15326A (อายุ 182 วัน) และ CB14O30B (อายุ 34 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 16,962 ล้านบาท 15,408 ล้านบาท และ 12,492 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) รุ่น CPALL23OB (A+) มูลค่าการซื้อขาย 575 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด รุ่น ICBCTL159A (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 532 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รุ่น BANPU225A (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 452 ล้านบาท

ราคาของพันธบัตรอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน (Yield) ลดลง ประมาณ 0.01% - 0.05% ตามทิศทางของเงินทุนต่างชาติที่กลับมาไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ไทยอีกครั้ง โดยเฉพาะในตราสารหนี้ระยะยาว และพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอ้างอิง(Benchmark Bond) อายุ 10 ปี และ 30 ปี ที่เปิดให้มีการประมูลในสัปดาห์ที่ผ่านมาและได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ส่งผลให้ราคาในการประมูลพันธบัตรรุ่นดังกล่าวอยู่ในระดับที่สูง และมีส่วนทำให้ราคาของพันธบัตรรุ่นใกล้เคียงปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้แล้วราคาของพันธบัตรสหรัฐฯ(US Treasury) ที่สูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น ภายหลังสถานการณ์ความตึงเครียดในต่างประเทศเริ่มกลับมาเป็นประเด็นที่น่ากังวลของตลาดอีกครั้ง เมื่อกองกำลังทหารของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรอาหรับ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ในซีเรีย ราคาพันธบัตรสหรัฐฯที่สูงขึ้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนทำให้ราคาของพันธบัตรไทยปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 7,791 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 413 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 7,378 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดขายสุทธิ 156 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ