สำหรับเที่ยวบินจะมีประมาณ 610,000 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 325,000 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เที่ยวบินภายใน ประเทศประมาณ 285,000 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2 เนื่องจากสายการบินได้เพิ่มเที่ยวบิน และมีสายการบินใหม่เปิดให้บริการ เช่น สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ เป็นต้น
สำหรับ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2549 โดยมีบทบาทเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศ ขณะนี้ได้ดำเนินกิจการมา 8 ปี โดยได้ให้บริการผู้โดยสารรวม 360,540,114 คน เที่ยวบินรวม 2,226,357 เที่ยวบิน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทอท.ได้บริหารจัดการ รวมทั้งพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก และการบริการเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ซึ่งปัจจุบัน ทสภ.มีเส้นทางบินแบบประจำเชื่อมต่อกว่า 170 จุดบินใน 63 ประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานด้านการให้บริการในปีงบประมาณ 2557 เมื่อเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2556 มีเที่ยวบินประมาณ 293,000 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 227,000 เที่ยวบิน เที่ยวบินภายในประเทศมีประมาณ 66,000 เที่ยวบิน ส่วนผู้โดยสารมีประมาณ 46.5 ล้านคน ลดลงร้อยละ 8.7 แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 38 ล้านคน ผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 8.5 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันจำนวนผู้โดยสาร ทสภ.ได้ฟื้นตัวขึ้นมีปริมาณเฉลี่ย 120,000 คนต่อวัน และ ทอท.คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย
นายนิรันดร์ กล่าวว่า จากนโยบายการย้ายไปใช้ ท่าอากาศยานดอนเมือง(ทดม.) เป็นฐานการบินสำหรับสายการบินต้นทุนต่ำ โดยกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย สายการบินนกแอร์ รวมทั้งการย้ายฐานการบินของสายการบินไทยสมายล์ในเดือนตุลาคม 2557 จะเปิดโอกาสให้สายการบินเดิมที่ทำการบิน ณ ทสภ.สามารถเพิ่มเที่ยวบินและขยายเส้นทางบินได้มากขึ้นรวมทั้งสายการบินใหม่ๆ สามารถทำการบินมายัง ทสภ.ได้ ประกอบกับรัฐบาลได้ให้ความสำคัญด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมการเติบโตของปริมาณจราจรทางอากาศของกรุงเทพฯในอนาคต
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการ ทอท. กล่าวว่า ทอท.ได้กำหนดวิสัยทัศน์เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก พร้อมทั้งได้กำหนด บทบาทเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Positioning) ของท่าอากาศยานแต่ละแห่ง ได้แก่ ทสภ.มีบทบาทเป็น International Gateway หรือประตูสู่นานาชาติและประตูสู่ประเทศไทยในฐานะท่าอากาศยานศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน โดยจะผลักดันให้เป็น Transit & Transfer Hub ของภูมิภาคในอนาคต, ทดม.มีบทบาทเป็น Fast & Hassle-free Airport หรือท่าอากาศยานที่รวดเร็วและไม่ยุ่งยาก ทภก.มีบทบาทเป็น Gateway to the Andaman หรือประตูสู่อันดามัน ทชม.เป็น Gateway to Lanna Heritage หรือเป็นประตูสู่วัฒนธรรมล้านนา, ทชร.เป็น Regional Center for Aviation-related Business หรือศูนย์กลางภูมิภาคสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวกับการบิน และ ทหญ.เป็น Gateway to Southern-most Thailand หรือประตูสู่ภาคใต้สุดของไทย
ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ดังกล่าว ทอท.ได้กำหนดให้มีการดำเนินการในด้านต่างๆ เช่น ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก ด้านการพัฒนาการให้บริการ ด้านการพัฒนาธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน ด้านการพัฒนาและนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อการบริการ เป็นต้น ซึ่งในการดำเนินการทุกด้านนอกจากมุ่งผลสำเร็จและประสิทธิภาพแล้วยังเน้นความโปร่งใส และตรวจสอบได้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ องค์กรและผู้มีส่วนได้เสีย โดยขณะนี้ ทอท.ได้เตรียมนำโครงการลงทุนก่อสร้างของ ทอท.เข้าร่วมเป็นโครงการต้นแบบตามโครงการของ Construction Sector Transparency Initiative (CoST) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสและการตรวจสอบโครงการก่อสร้างของภาครัฐ โดยใช้กลไกการเปิดเผยข้อมูลพื้นฐานในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน ในโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เพื่อนำมาใช้ยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสในโครงการก่อสร้างของภาครัฐในประเทศไทย
ปัจจุบัน ทอท.บริหารงานท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งของประเทศ ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.), ท่าอากาศยานดอนเมือง(ทดม.), ท่าอากาศยานเชียงใหม่(ทชม.), ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย(ทชร.), ท่าอากาศยานภูเก็ต(ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่(ทหญ.) ซึ่งให้การต้อนรับผู้เดินทางทั่วโลกปีละกว่า 80 ล้านคน ดังนั้นกิจการของ ทอท.จึงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้านกิจการขนส่งทางอากาศ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
สำหรับการบริหารจัดการท่าอากาศยานนั้น ทอท.ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นระดับรัฐบาล ที่กำหนดให้มีการเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งทางอากาศ ได้แก่ การพัฒนาท่าอากาศยานที่สำคัญ เช่น ทสภ. ทดม. ทชม. และทภก. เป็นต้น โดย ทอท. ได้มีแผนงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ดังกล่าว คือ แผนพัฒนา ทสภ.เพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสารจากปีละ 45 ล้านคน เป็น 60 ล้านคน และ ทดม.จาก 18.5 ล้านคน เป็น 30 ล้านคน รวมทั้งการพัฒนา ทภก.ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสารจาก 6.5 ล้านคน เป็น 12.5 ล้านคน