บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น บมจ. วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) เป็น "ซื้อ" หลังพบกลยุทธ์สำคัญของการใช้ Rabbit Card จะเป็นกุญแจไปสู่การมีฐานข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคขนาดใหญ่ สนับสนุนการดำเนินงานได้อย่างดีในระยะยาว ขณะที่ปัจจัยระยะสั้นจากการ M&A กำลังเริ่มเห็นผลชัดในปีหน้า ผนวกกับสภาพแวดล้อมภายนอก การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีดิจิตอล ล้วนแล้วเป็น บวก ต่อ VGI ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ มองว่าผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดกำไร 2Q57/58 ที่ 295 ล้านบาท ฟื้นตัว 53% QoQ และแนวโน้มกำไรขยายตัวของกำไรแข็งแกร่ง 29% ต่อปี ใน 3 ปีข้างหน้าสูงสุดในกลุ่ม VGI จึงควรซื้อขายด้วย PEG อย่างน้อยเท่ากับผู้นำอย่าง BEC ที่ 1.3 เท่า ราคาเหมาะสมปี 2558/59 (มี.ค.59) จึงสูงถึง 20.80 บาท/ หุ้น
บัตร Rabbit Card คือกุญแจสำคัญในระยะยาว บัตรนี้นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS แล้ว บัตรนี้ยังบันทึกพฤติกรรมผู้บริโภคทุกแง่มุมกลับมายังกลุ่ม BTS ซึ่ง VGI มีแนวโน้มที่จะนำไปใช้วางแผนการขายโฆษณาร่วมกับลูกค้าเอเจนซี่โฆษณาได้ ซึ่งการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าอีก 6 เท่าตัวในอนาคต และการที่ BTS เป็นผู้ชนะการจัดทำระบบตั๋วร่วมที่จะเริ่มใช้ใน ก.ย. 2558 นี้ เราคาดว่าจำนวนบัตรจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 2.8 ล้านใบปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ฐานข้อมูลมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะกำหนดทิศทางของการใช้สื่อนอกบ้านของประเทศไทย และจะนำให้รายได้ กำไรสูงขึ้นทะลุ 2 พันล้านบาทได้ในปี 2559/60
เงื่อนไขภายนอกสนับสนุน VGI อย่างมาก ดังนี้ (1) สื่อนอกบ้านในไทย มีการขยายตัวดีกว่าอุตสาหกรรมสื่อโดยรวม 4-5 เท่าตัวโดยตลอด สอดคล้องกับทิศทางทั่วโลก (2) เทคโนโลยีดิจิตอล ช่วยให้ VGI เพิ่มพื้นที่โฆษณาได้ไม่จำกัด และทำให้ราคาขายดีขึ้นอีก (3) BTS มีแนวโน้มได้บริหารรถไฟฟ้าเพิ่ม จะเปิดพื้นที่ให้สื่อของ VGI เดินทางออกไปไกลขึ้น ส่งผลดีต่อรายได้ (4) 69% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีแนวโน้มใช้บริหารห้างโมเดิร์นเทรด ขณะที่การขยายตัวของห้างฯขนาด Hyper mart แม้จะช้าลง แต่รูปแบบ Small format ยังคงเดินหน้าแข็งแกร่ง (5) ปัญหาการเปลี่ยนผ่านของทีวีดิจิตอล ทำให้การใช้เงินโฆษณาของโทรทัศน์ยังคงฟื้นตัวเชื่องช้าต่อไป และเปิดโอกาสให้สื่อนอกบ้านประสิทธิภาพสูงจะเข้ามาแชร์ตลาดนี้ได้บางส่วน