ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ในวันที่ 28-29 ต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่โครงการ QE3 ยุติลง และอาจนำมาซึ่งความผันผวนต่อตลาดหุ้นทั่วโลก, ปริมาณการ Long ค่าเงินดอลลาร์สุทธิของ Hedge fund อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์, สภาพคล่องในประเทศเริ่มอิ่มตัว เนื่องจากจะถูกดูดซับจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลในเดือนนี้กว่า 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ไม่มีสภาพคล่องที่เกิดขึ้นจากการครบกำหนดอายุของพันธบัตรออมทรัพย์อีกแล้ว และระดับ Valuation ของ SET Index ที่เริ่มสูงแล้ว โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก
หุ้นที่ทางฝ่ายวิเคราะห์ฯ แนะนำสำหรับเดือนนี้ ได้แก่ กลุ่มสื่อสารที่ยัง Laggard ตลาดอยู่ ได้แก่ INTUCH THCOM, กลุ่มที่อยู่อาศัยและหุ้นที่เกี่ยวข้องที่เตรียมเข้าสู่ช่วงที่ดีที่สุดของปี ได้แก่ LH LHBANK, กลุ่มหุ้นปันผลสูง ได้แก่ ASP TICON, กลุ่มที่ได้อานิสงส์จากเงินบาทที่อ่อนค่า ได้แก่ CPF SVI และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น ได้แก่ MACO SAWAD
ส่วนหุ้นที่แนะนำใน The Big Picture ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาให้ผลตอบแทน 6.3% ในขณะที่ SET Index ให้ผลตอบแทน 1.5% สำหรับผลตอบแทนในระยะเวลา 51 เดือนของการจัดตั้ง The Big Picture อยู่ที่ 705% เทียบกับ SET index ที่ 99%