ส่วนในแง่ของรายได้ปี 58 ขึ้นกับราคาวัตถุดิบ คือ กากน้ำตาล เบื้องต้นมองว่าแนวโน้มราคาวัตถุดิบน่าจะแพงขึ้น แต่ก็คาดว่าราคาขายน่าจะปรับขึ้นตาม จากปีนี้ราคาขายเอทานอลเฉลี่ยอยู่ที่ 25.50 บาท/ลิตร แต่เพิ่มขึ้นเท่าใดคงต้องติดตามทิศทางราคาวัตถุดิบก่อน เพราะราคากากน้ำตาลเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลโดยตรงต่อกำไรของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ปี 58 มีปัจจัยบวกหนุนอยู่คือนโยบายภาครัฐ โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากรัฐบาลในการปรับเป้าหมายพลังงานทดแทน ซึ่งอาจรวมถึงเอทานอลด้วย ทั้งในแง่ปริมาณและราคาภายใต้มาตรการส่งเสริม ซึ่งจะเป็นประเด็นสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับบริษัทมากขึ้น เนื่องจากจะมีผลต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรม หากนโยบายรัฐบาลชัดเจนบริษัทเราก็จะเริ่มทำแผนงานใหม่ของปีหน้า
"ความต้องการของเอทานอลที่เพิ่มขึ้นคิดว่าน่าจะเป็นตัวเอื้อหนุนให้ยอดขายสูงขึ้นในปี 58 น่าจะขยายยอดขายได้ 7% ความต้องการเอทานอล ซึ่งปี 58 สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ตั้งไว้ 4 ล้านลิตร/วัน จากปีนี้ 3.15-3.20 ล้านลิตร/วัน เพิ่มเป็น 4 ล้านลิตรก็เป็นไปได้ ส่วนบริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตหรือเปล่านั้นอยู่ที่ capacity แต่มองค่อนข้าง conservative ในแง่ที่ว่าถึงแม้ demand สูงขึ้นจริง แต่ supply ก็มีเยอะจะเป็นปัจจัยที่ทำให้การเติบโตไม่เป็นไปตามอุตสาหกรรม"นายสมชาย กล่าว
ส่วนผลประกอบการในปีนี้ นายสมชาย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,300 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 30% จากปี 56 ที่มีรายได้ 1,670 ล้านบาท เนื่องจากครึ่งแรกทำรายได้ไปแล้ว 1,233 ล้านบาท แม้ว่ารายได้ในช่วงครึ่งปีหลังคงไม่ดีไปกว่าครึ่งปีแรกตามทิศทางปกติของอุตสาหกรรม เพราะราคาวัตถุดิบจะสูงขึ้นในช่วงนอกฤดูเปิดหีบอ้อย
"ปริมาณขายในไตรมาส 3/57 แนวโน้มใกล้เคียงไตรมาส 2/57 ราคาก็ใกล้เคียงกัน แนวโน้มราคาปีนี้น่าจะอยู่ระดับนี้ โดยทั่วไปอุตสาหกรรมช่วงต้นปีจะดีในแง่ราคาและวอลุ่ม สาเหตุเพราะเป็นช่วงเปิดหีบอ้อย วัตถุดิบจะออกสู่ตลาดเยอะ ถ้าเปรียบเทียบช่วงต้นปีกับปลายปีวัตถุดิบจะราคาต่ำในช่วงต้นปี และ supply ก็จะมีมากกว่า ราคาขายก็ล้อไปตามวัตถุดิบ margin จะมากน้อยขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบริษัทที่จะลดต้นทุนา"นายสมชาย กล่าว
ขณะที่โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยก๊าซชีวภาพขนาด 3 เมกะวัตต์นั้น นายสมชาย กล่าวว่า อยู่ในช่วงของการปรับจูนการส่งกระแสไฟฟ่าเข้าสู่ระบบ โดยเริ่มทดลองจ่ายกระแสไฟฟ้าไปแล้ว 1-2 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งโครงการในช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้ จากนั้นบริษัทจะมีกระแสไฟฟ้าที่ผลิตเองมาใช้ในโรงงานผลิตเอทานอล เชื่อว่าจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน โดยเฉพาะค่ากระไฟฟ้าลงเดือนละ 5 ล้านบาท
นายสมชาย กล่าวอีกว่า ในปีหน้าบริษัทยังไม่มีแผนลงทุนใหญ่ในโครงการใหม่ เนื่องจากกำลังการผลิตปัจจุบันรวม 365,000 ล้านลิตรต่อปียังเพียงพอกับความต้องการในประเทศ ดังนั้น อาจจะเป็นเพียงการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร เพราะปัจจุบันรายได้หลักเป็นการผลิตและจำหน่ายเอทานอล ยังไม่มีการศึกษาทำธุรกิจอื่น
"ในระยะเวลาอันใกล้นี้ภายในปี 58 ไม่มี product เพิ่มเติม เพราะตลาดในประเทศยังรองรับความสามารถเราอยู่ ส่วนอนาคต 2-3 ปีข้างหน้าบอกไม่ได้"นายสมชาย กล่าว