สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 3 ต.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 73,354 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 55,552 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 75.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 11,520 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 15.7% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,091 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 4.7 ปี, 2.7 ปี และ 8.7 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,965 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)(TOP273A) มูลค่า 819.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)(MBK27NA) มูลค่า 213.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (ICBCTL175A) มูลค่า 213.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,246.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 59.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,401 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,956 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -3,862 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.03% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.94% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 3-20 ปี 1-2 bp. ล่าสุดธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.05% ด้านตลาดยังคงรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ในคืนนี้ (3 ต.ค.57) สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 3,862 ล้านบาท โดยยอด Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้ ลดลง 10,023 ล้านบาท จาก 709,204 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน เป็น 699,181 ล้านบาท