ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อมูลค่าคูปองลดลง ผู้จำหน่ายกล่องฯ ทุกรายก็จะตัดในส่วนเสาอากาศออกเพื่อลดต้นทุนและปรับลดราคาลงมาให้ใกล้เคียงกับมูลค่าคูปองมากที่สุดเช่นเดียวกับบริษัท ซึ่งส่งผลให้กำไรลดลงไปด้วย ขณะที่การรับชมทีวีดิจิตอลจำเป็นต้องใช้เสาอากาศต่อกับกล่องรับสัญญาณ จึงเป็นโอกาสของการขายเสาอากาศที่จะเป็นตัวสร้างกำไรให้กับบริษัท
"เรามองว่ากล่องทีวีดิจิตอลจะเข้ามาช่วยผลักดันรายได้ แต่ก็ไม่ใช่ เพราะมีการปรับราคาคูปองลงเหลือ 690 บาท เราจึงส่งเสาอากาศออกไปขายด้วย ซึ่งมันจะเป็นกำไรเข้ามาได้บ้าง แต่กว่าจะมีการแจกคูปองก็ช้ามากแล้ว มันก็เหลือเวลาอีกไม่มาก ส่งผลให้ยอดขายปีนี้ลดลงจากที่คาดไว้"นายชัชวิน กล่าว
นายชัชวิน กล่าวว่า บริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้ในปีนี้ลงเหลือราว 4 พันล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 5-6 พันล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีรายได้ 4.5 พันล้านบาท เนื่องจากในช่วงต้นปีบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลทำให้งานภาครัฐสะดุด รวมถึงการแจกคูปองกล่อง Set Top Box มีความล่าช้าอย่างมาก ทำให้คาดว่ารายได้จากการขายกล่องฯจะลดลงจากเป้า 500 ล้านบาท แต่ยังคงตั้งเป้ายอดขายที่ 1 ล้านกล่อง
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของกำไรในปีนี้บริษัทยังเชื่อว่าน่าจะทำได้ใกล้เคียงหรือไม่น้อยกว่าปี 56 ที่มีกำไร 254.11 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเน้นการการรับงานที่มีอัตรากำไรดีขึ้น นอกจากนั้นธุรกิจตู้เติมเงิน"บุญเติม"ยังมีรายได้เติบโตได้ดี โดยบริษัทเดินหน้าเพิ่มจำนวนตู้อีก 1 หมื่นตู้/ปีและคาดว่าจะมียอดเติมเงิน 1 หมื่นล้านบาทหรือคิดเป็นรายได้ของบริษัทที่จะเข้ามาในปีนี้ราว 1 พันล้านบาท และมองว่าในปีถัดๆไปรายได้ตู้บุญเติมก็จะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บริษัทยังได้รับงานจากทางภาครัฐเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งเป็นงานติดตั้งกล้อง CCTV มูลค่า 500-600 ล้านบาท และงานติดตั้งระบบการอ่านเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่า 189 ล้านบาท รวมทั้งอยู่ระหว่างประมูลงานจากภาครัฐเพิ่ม คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนภายในปลายปีนี้ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดของงาน
"เราคาดว่ากำไรปีนี้จะไม่น้อยกว่าปีก่อน แต่ด้านยอดขายอาจหายไปบ้าง เนื่องจากเราเจอปัญหาหลายเรื่อง ภาครัฐก็ไม่ออกโปรเจกต์...เราก็ยังรอลุ้นงานภาครัฐที่จะมีออกมาเพิ่มอีก โดยไตรมาส 4/57 ก็เชื่อว่าทุกคนก็พยายามเร่งเครื่องอยู่"นายชัชวิน กล่าว
สำหรับการขยายธุรกิจตู้หยอดเหรียญเติมเงินบุญเติมไปยังประเทศอาเซียน ขณะนี้ยังมีเพียงประเทศฟิลิปปินส์ เพราะมองว่าเวียดนาม พม่า และกัมพูชายังมีจำนวนประชากรไม่มาก เลขหมายโทรศัพท์ประเทศละไม่เกิน 10 ล้านเลขหมาย จึงต้องรอให้การพัฒนาประเทศเติบโตมากกว่านี้เสียก่อน