สำหรับการเตรียมพร้อมเงินทุนดังกล่าว ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการซื้อสินทรัพย์ของ บมจ.อุตสาหกรรมเหล็กกล้าไทย (TSI)หลังจากที่บริษัทชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์จากกรมบังคับคดี รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคตด้วยเป้าหมายในการเป็นผู้นำการผลิตเหล็กเกรดพิเศษ ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้บริษัทเพิ่งประสบความสำเร็จในการทดสอบการหลอมเหล็กเกรดพิเศษ
จากเดิมที่บริษัทมีฐานการตลาดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมการก่อสร้างเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาสินค้าจนได้เป็นเหล็กแท่งยาวเกรดพิเศษ เพื่อขยายฐานการตลาดไปสู่ตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเหล็กแท่งยาวเกรดพิเศษนี้เอง ที่เป็นวัตถุดิบที่ป้อนให้กับ ทีเอสเอสไอ เพื่อรีดเป็นเหล็กลวด (Wire Rod) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ และสร้างรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัทอย่างมั่นคง และยั่งยืนต่อไปในอนาคต
“การปรับโครงสร้างของมิลล์คอนในครั้งนี้ จะสร้างความแข็งแกร่งในอนาคต ธุรกิจจะมีการเติบโตที่ยั่งยืน ฐานะการเงินก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปี สัดส่วนหนี้สินต่อทุนจะลดลงเหลือเพียง 1 เท่า"พลเอกวินัย กล่าว
นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้รับผิดชอบสายลูกค้าธุรกิจรายกลาง ธนาคารกรุงเทพ(BBL) กล่าวว่า ธนาคารเล็งเห็นถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจของ MILL ในอนาคต โดยเฉพาะเป้าหมายในการเป็นผู้นำการผลิตเหล็กเกรดพิเศษ ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และด้วยวงเงินสินเชื่อนี้ธนาคารหวังจะได้เห็นการพัฒนาศักยภาพด้านการลงทุนขยายฐานการผลิตและการตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรมการก่อสร้างสู่อุตสาหกรรมยานยนต์