อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/57 บริษัทยังรอผลประมูลงานภาคเอกชนอีก 3 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งหมดราว 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท ขณะที่เป้าหมายงานใหม่ในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทยังคาดว่ารายได้ในปีนี้คงทำได้ 2.05 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 2.3 หมื่นล้านบาท ช่วงครึ่งแรกปีนี้รับรู้ไปแล้ว 1.05 หมื่นล้านบาท และช่วงครึ่งปีหลังน่าจะรับรู้รายได้ราว 1 หมื่นล้านบาท จากงานในมือ(Backlog)ที่มีมูลค่าทั้งหมดราว 4.7 หมื่นล้านบาท หากไม่มีงานใหม่เข้ามาเพิ่มอีกจะทำให้สิ้นปี Backlog จะลดลงเหลือ 3.7 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2 ปีครึ่ง โดยในปีหน้าคาดว่าจะรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 10% สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 9.41% เนื่องจากปีนี้ราคาวัสดุก่อสร้างค่อนข้างนิ่ง
นายวรพันธ์ กล่าวว่า สำหรับปี 58 บริษัทตั้งเป้าจะได้รับงานใหม่จำนวน 3 หมื่นล้านบาท หลังจากโครงการภาครัฐจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และเชื่อว่าจะมีการเปิดประมูลกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ รถไฟฟ้า คาดว่าจะเปิดประมูลอย่างน้อย 2 สาย, โครงการรถไฟทางคู่, โครงการมอเตอร์เวย์สายใหม่, โครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2, โครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์เชื่อมต่อพญาไท-ดอนเมือง เป็นต้น
"รวมแล้วคาดว่าปีหน้าจะมีงานโครงการภาครัฐออกมาราว 1.5 แสนล้านบาท และคาดว่าบริษัทจะมีโอกาสได้งาน 20% หรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท"นายวรพันธ์ กล่าว
ประกอบกับ บริษัทมองหาโอกาสเข้าไปรับงานรับเหมาก่อสร้างในลาวและพม่า โดยเฉพาะในพม่า มองว่ามีโอกาสสูงที่จะเข้าไปรับงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้า หากการตั้งนิคมอุตสาหกรรมทิวาลาจะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีที่จะมีความต้องการสูง ส่วนในลาว บริษัทเพิ่งได้รับงานโยธาก่อสร้างถนนเซ็นสัญญาไปเมื่อ 8 พ.ค.57 เป็นโครงการปรับปรุงถนนจากบ้านฮวก (พะเยา)-เมืองคอบ-เมืองเซียงฮ่อน และเมืองคอบ-บ้านปากคอบ-บ้านก้อนตื้น สัญญาที่ 1 ระยะทาง 20 กม. ระยะเวลาก่อสร้าง 30 เดือน
ส่วนเวียดนามนั้น บริษัทไม่เข้าไปรับงานในขณะนี้ เพราะมองว่าการแข่งขันกับผู้รับเหมาท้องถิ่นยังค่อนข้างสูง
"เราพยายามหาข้อมูลในพม่าไปเรื่อยๆ ถ้าพูดถึงโอกาสก็เป็นพวกโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเขากำลังพัฒนานิคมฯทิวาลา ใครซื้อพื้นที่นิคมเข้าไปตั้งโรงงาน เราก็จะเข้าไปเสนอตัว หรือโรงไฟฟ้า ถ้ามีบริษัทญี่ป่นหรือบริษัทฝรั่งเข้าไปลงทุน เราก็เสนอตัวเป็นผู้รับเหมาได้...ผมว่าอีกสัก 2 ปีที่จะมีโอกาสรับงาน ม้นไม่เร็ว เพราะพม่าก็ไม่ได้มีเงินลงทุน ต้องรอคนเข้าไปลงทุน"นายวรพันธ์ กล่าว
กรรมการรองผู้จัดการสายงานการเงินและบริหาร STEC กล่าวว่า บริษัทได้มองขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่คาดว่าจะเริ่มธุรกิจได้จริงคงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 3 ปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีที่ดิน 3 แปลง ได้แก่ ย่านบางนา พื้นที่ 28 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา เบื้องต้นคาดว่าจะพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัย และอยู่ระหว่างรอโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองวิ่งผ่านเส้นทาง ศรีนครินทร์-สำโรง
นายวรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทยังมีที่ดินบริเวณถนนพระราม 3 พื้นที่ 8 ไร่ติดริมแม่น้ำ และ ล่าสุดได้ซื้อที่ดินแถวหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ 14 ไร่ ติดชายทะเล ราคา 790 ล้านบาท โดยเห็นโอกาสดีจากการที่ไปรับงานก่อสร้างห้างสรรพสินค้า Blue Port ที่หัวหินของกลุ่มเดอะมอลล์