สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 13 ต.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 82,181 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 46,414 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 56.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 24,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 29.2% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 605 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.7% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB15DA (รุ่นอายุ 2.7 ปี, 4.7 ปี และ 1.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 17,058 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH153A) มูลค่า 138.6 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT162A) มูลค่า 93.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC219A) มูลค่า 91.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 323.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 439 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,517 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 453 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.81% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.04%
Yield Curve ปรับลดในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 2-4 bps. ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลง 10.37 จุด จากการปรับลดพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจยุโรปที่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย ล่าสุด S&P ได้ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส เป็น Negative Outlook (จาก Stable) สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 453 ล้านบาท