"ต้องบอกว่าเราไปในจังหวะที่ลงตัวพอดี รัฐบาลของเอกวาดอร์มีการส่งเสริมการใช้สินค้าภายในประเทศ (Local Content) เราได้มีโอกาสเจอกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับหนึ่งในเอกวาดอร์ ที่ครองส่วนแบ่งตลาด (Market Share) กว่า 60% ของยอดผลิตรถยนต์เฉลี่ย 1 แสนคัน/ปี ซึ่งหากมีการเซ็นสัญญาร่วมลงทุนกันแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน จะช่วยผลักดันรายได้ในปีหน้าเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ"นายสมพลกล่าว
สำหรับรูปแบบของการร่วมลงทุนระหว่าง FPI กับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในเอกวาดอร์จะเป็นไปในลักษณะพันธมิตรร่วมลงทุน (Partner Ship) โดยฝ่ายไทยจะถือหุ้นในสัดส่วน 45% ฝ่ายเอกวาดอร์ถือในสัดส่วน 55%
การร่วมลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ FPI ขยายฐานลูกค้าในเอกวาดอร์ได้มากขึ้น ซึ่งหากเป็นไปตามแผนจะทำให้ยอดการผลิตอะไหล่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะพันธมิตรร่วมทุนครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 60% และเป็นเบอร์ 1 ในเอกวาดอร์ ขณะเดียวกันยังช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้า (Logistic) และยังได้รับสิทธิพิเศษในการยกเว้นภาษีจากรัฐบาลอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเป็นเป็นโอกาสที่จะใช้ฐานผลิตในประเทศ ECUADOR เพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีสนธิสัญญา ANDREAN REGION โดยไม่มีภาษีนำเข้าระหว่างกันในประเทศเปรู โคลัมเบีย โบลีเวีย ซึ่งทั้ง 4 ประเทศดังกล่าว ยังไม่มีโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกรายใหญ่ในประเทศดังนั้นการตั้งฐานการผลิตใน ECUADOR จะเป็นการยึดตลาดผู้ผลิตรถยนต์ในทั้ง 4 ประเทศซึ่งหากบริษัทมีการเซ็นต์สัญญากับกระทรวงอุตสาหกรรมในประเทศ ECUADOR ทางรัฐบาลจะยกเว้นค่าน้ำค่าไฟพร้อมทั้งสิทธิประโยชน์อีกมากมาย
แผนการดำเนินงานของบริษัทจะมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและกำไรขั้นต้นสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลกำไรบริษัทมากขึ้น โดยขณะนี้เริ่มมีออเดอร์เข้ามาบ้างแล้วจากบรรดาบริษัทชั้นนำ โดยก่อนหน้านี้ FPI ได้ลงทุนแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์จากค่ายญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก ทั้งนี้ หากมีออเดอร์ใหม่เข้ามาจากสหรัฐอเมริกาจะต้องมีการลงทุนเพิ่มในส่วนของแม่พิมพ์ โดยใช้เงินส่วนหนึ่งจากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 250 ล้านบาท ซึ่งในช่วงแรกจะดำเนินการในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง
ปัจจุบัน บริษัทมีออเดอร์ในมือในส่วนของการรับจ้างผลิตให้กับลูกค้า (OEM) ประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่ทดแทน (REM) มีประประมาณ 150 ล้านบาทต่อเดือน โดยในปีนี้บริษัทสามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ได้อีก 3 ประเทศ ทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มเป็น 122 ประเทศ