ร.ท.สุรพล กล่าวว่า บริษัทคาดว่าในปี 58 จะมีรายได้จากการขายตั๋วโดยสารในกลุ่ม corporate ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท จากปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ในส่วนนี้ราว 6-7 พันล้านนบาท โดยมีสัดส่วนกลุ่มลูกค้า corporate ต่างประเทศและในประเทศ 60:40 นอกจากนี้ บริษัทจะรุกตลาดหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีงบประจำในการเดินทางอยู่แล้วเพิ่มขึ้นด้วย
ล่าสุด วันนี้บริษัทได้ลงนามสัญญาซื้อขายบัตรโดยสารลูกค้าภาคธุรกิจกับลูกค้าภาคธุรกิจ จำนวน 7 บริษัท ได้แก่ บริษัท เจซี เควิน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, บมจ.ไทยน้ำทิพย์, บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ, บริษัท บีบี จำกัด, บริษัท ควอลิตี้ เซรามิค จำกัด, บริษัท เบเยอร์ จำกัด และ บริษัท ดีสโตร์ จำกัด พร้อมลงนามกับตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารจำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท โบนัส การท่องเที่ยว จำกัด, บริษัท รุ่งทรัพย์ ฮอลิเดย์ จำกัด, บริษัท สกาเดียแทนเวิล จำกัด และ บริษัท บอร์น ฮอลิเดย์ จำกัด
การลงนามในวันนี้จะเป็นการขยายฐานลูกค้าภาคธุรกิจให้ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจเป็นการสร้าวแรงจูงใจให้กับลูกค้าภาคธุรกิจและเป็นการกระตุ้นยอดขาย ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายบัตรโดยสารภาคธุรกิจจะต้องมียอดซื้อต่อปีตามเป้าที่บริษัทตั้งไว้จะได้รับบริการและสิทธิประโยชน์พิเศษ เป็นการให้ความสำคัญกับลูกค้าภาคธุรกิจที่เป็นลูกค้ากลุ่มพรีเมียมที่มีอุปการคุณต่อบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ร.อ.สุรพล ยังเปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor)ในไตรมาส 4/57 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นต้องสูงกว่า 75% ขึ้นไป โดยแนวโน้ม Cabin Factor เริ่มดีขึ้นตั้งแต่ในเดือน ต.ค.