BAY เผย Q3/57 กำไรโต 1.5% จาก Q2/57 แต่ลดลง 7% จาก Q3/56

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 17, 2014 12:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) และบริษัทในเครือรายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 3/57 จำนวน 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/57 เป็นผลจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้น การเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ตลอดจนประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่าย

สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 57 มีกำไรสุทธิจำนวน 10.4 พันล้านบาท ทั้งนี้ แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 57 ลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการกลับรายการสำรองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ได้มีการโอนไปบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) และรายการหนี้สูญรับคืนที่สูงในปี 56

สรุปผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) และฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับไตรมาส 3/57 การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 3.3% คิดเป็นสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจำนวน 31.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 และเพิ่มขึ้น 3.1% หรือจำนวน 28.9 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 การเติบโตของเงินรับฝากเพิ่มขึ้น 5.5% หรือคิดเป็นจำนวน 42.1 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556

กำไรสุทธิ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.5% จากไตรมาส 2/57 และลดลง 7.0% จากไตรมาส 3/2556 ปัจจัยหลักเกิดจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/57 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM)ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/2557 มาอยู่ที่ 4.33% จากผลตอบแทนโดยรวมของสินทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ: เพิ่มขึ้น 4.9% จากไตรมาส 2/2557 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้กู้ยืม ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมตัวแทนจำหน่ายประกันและธุรกรรมการบริหารความมั่งคั่ง กองทุน และธุรกิจหลักทรัพย์

อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ ปรับตัวดีขึ้นมากมาอยู่ที่ 47.5% จาก 49.2% ในไตรมาส 2/2557 สะท้อนถึงการบริหารค่าใช้จ่ายที่เข้มข้นขึ้น อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs)อยู่ที่ 3.26% ต่อเงินให้สินเชื่อ อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อยู่ที่ระดับ 123.1% อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 14.9% เมื่อเทียบกับ 14.7% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 56 ส่วนช่วง 9 เดือนแรกของปี 57 สินเชื่อเพิ่มขึ้น 3.3% คิดเป็นจำนวน 31.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนธันวาคม 56 โดยเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้นครอบคลุมในทุกกลุ่มธุรกิจ เงินรับฝากเพิ่มขึ้น 5.5% จากเดือนธันวาคม 56 สะท้อนความสำเร็จของธนาคารในการออกผลิตภัณฑ์“เงินฝากประจำ Step up 8 เดือน" ในเดือนมิถุนายน 2557 และการเติบโตอย่างต่อเนื่องในผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ “กรุงศรีมีแต่ได้" เงินฝากดอกเบี้ยสูง และ “ออมทรัพย์จัดให้" เงินฝากที่มาพร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ ขณะที่สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถาม (CASA) ต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมดอยู่ที่ระดับ 50.6% ณ สิ้นเดือนกันยายน 57

ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 4.33% เมื่อเทียบกับ 4.31% ในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากผลตอบแทนโดยรวมของสินทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้น

นายโนริอากิ โกโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAY กล่าวว่า ไตรมาส 3/57 กรุงศรีมีผลการดำเนินงานที่ดี โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท ขณะที่สินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 3.1% สะท้อนภาวะเศรษฐกิจของประเทศและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสนี้

สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2557 การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจ จากความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นและการใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้นจะเอื้อต่อการขยายตัวของสินเชื่อและรายได้จากค่าธรรมเนียม ทั้งนี้จากปัจจัยด้านฤดูกาลสนับสนุนความต้องการสินเชื่อ ทั้งในส่วนของสินเชื่อเพื่อรายย่อยและสินเชื่อธุรกิจในไตรมาส 4 กรุงศรีจึงคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ 7% สำหรับปี 57

ณ วันที่ 30 กันยายน 57 BAY เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศไทยมีสินเชื่อรวม 974.9 พันล้านบาท เงินรับฝาก 806.2 พันล้านบาท และสินทรัพย์รวม 1.2 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 133.8 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 14.9% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 คิดเป็น 11.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ