นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากสำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Book Building) ของนักลงทุนสถาบันเมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่านมา ช่วงราคาเสนอขายที่ 3.50-3.90 บาทต่อหุ้น พบว่านักลงทุนสถาบันได้แสดงความต้องการซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 3.90 บาท โดยมีความต้องการซื้อหุ้นคิดเป็น 6 เท่าของจำนวนหุ้นที่จัดสรร แสดงถึงความมั่นใจและความสนใจในหุ้นของ TSE ดังนั้น จึงได้กำหนดราคาขายหุ้น IPO ของ TSE ในราคาหุ้นละ 3.90 บาท
ทั้งนี้ TSE จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 450 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 24.8 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ที่ 1,815 ล้านบาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ที่ประมาณ 1,755 ล้านบาทไปใช้ขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เช่น ลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนอื่น การให้บริการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และจัดหาอุปกรณ์ อีกส่วนหนึ่งจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจต่อไป
สำหรับรายละเอียดการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุนประเภทสถาบันประมาณร้อยละ 40 และนักลงทุนประเภทบุคคลทั่วไปรวมถึงผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ ประมาณร้อยละ 60 ของหุ้น IPO ทั้งหมด
ด้านนางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TSE กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มสดใส จากการที่ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม โดยภาครัฐได้เพิ่มเป้าหมายของพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2555-2564 ให้เป็น 25% ของกำลังการผลิต ซึ่งจากนโยบายดังกล่าวส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีเป้าหมายไฟฟ้าอยู่ที่ 3,000 เมกะวัตต์ภายในปี 64 เชื่อว่าภาครัฐจะพิจารณาเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากภาคเอกชนเพิ่มเติม โดยบริษัทฯ พร้อมเข้าร่วมเสนอโครงการเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจต่อไปในอนาคต
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมด 25 โครงการ รวม 98.5 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โครงการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในระบบรางรวมแสง กำลังการผลิต 4.5 เมกะวัตต์ ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยโซล่าร์เซลล์ในรูปแบบ Solar Farm โดยร่วมทุนกับ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC)ในกลุ่ม บมจ.ปตท.(PTT) จำนวน 10 โครงการ รวม 80 เมกะวัตต์ ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ได้ครบทั้ง 10 โครงการแล้ว
และโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์ จำนวน 14 โครงการ โครงการละ 1 เมกะวัตต์ รวม 14 เมกะวัตต์ โดยเป็นพันธมิตรกับโฮมโปรและเดอะมอลล์กรุ๊ป คาดว่าจะเริ่มทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ครบทุกโครงการภายในสิ้นปีนี้ ทำให้บริษัทฯ ถือเป็นผู้ประกอบการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของไทยในปัจจุบัน
ส่วนผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัท มีรายได้รวม 855.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 166.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 321.48 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 648.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน