ขณะที่ยอดขายในปีนี้คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 2.2 หมื่นล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกมียอดขายแล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท และในช่วงไตรมาส 4/57 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า ยอดรับรุ้รายได้ในไตรมาส 3/57 ทำได้สูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากในไตรมาส 3/57 บริษัทมีการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการหลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก ได้แก่ คอนโดมิเนียมศุภาลัย ริเวอร์ รีสอร์ท, คอนโดมิเนียมศุภาลัย พาร์ค แคราย-งามวงศ์วาน, คอนโดมิเนียมมศุภาลัย พรีเมียร์ อโศก และ คอนโดมิเนียมศุภาลัยภูเก็ต ซิตี้
ทั้งนี้ บริษัทมี Backlog ในปัจจุบันราว 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 60 อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ในปีหน้าโต 15% จากปี 57
“ไตรมาส 3 นี้แค่ไตรมาสเดียวยอดโอนมากกว่าไตรมาส 1 และไตรมาส 2 รวมกันที่มียอดโอนราวๆ 7 พันล้านบาท เพราะในไตรมาส 3 ส่วนใหญ่เรามีโครงการคอนโดฯโอนเป็นจำนวนมาก เรารับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในไตรมาสนี้จาก 4 โครงการ แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นส่วนน้อยใน 4 โครงการนี้จะไปทยอยรับรู้ในไตรมาส 4 ปีนี้ด้วย"นายไตรเตชะ กล่าว
สำหรับยอดขายโครงการของบริษัทในช่วง 9 เดือน ทำได้แล้วที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจึงมั่นใจยอดขายทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส 4/57 บริษัทจะเปิดโครงการใหม่อีก 8 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มูลค่าราว 1.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 4 โครงการ อยู่ในกรุงเทพฯ 3 โครงการและเชียงใหม่ 1 โครงการ มูลค่ารวมราว 1 หมื่นล้านบาท และโครงการแนวราบ 4 โครงการ อยู่ในกรุงเทพฯ 2 โครงการ เชียงใหม่ 1 โครงการ และภูเก็ต 1 โครงการ มูลค่ารวมราว 3 พันล้านบาท
ดังนั้น ทั้งปี 57 บริษัทจะมีการเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 27 โครงการ มูลค่ารวมราว 3 หมื่นล้านบาท
นายไตรเตชะ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังติดลบ เนื่องจากครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นและการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคลดลง ประกอบการผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากชะลอการเปิดโครงการใหม่ แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 3/57 เป็นต้นมาสถานการณ์เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ผู้ประกอบการเริ่มกลับมาทยอยเปิดโครงการใหม่มากขึ้น และยอดขายเริ่มฟื้นตัวขึ้น
ส่วนในปี 58 ประเมินว่าภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังดีขึ้นมากกว่าปีนี้หลังจากสถานการณ์ต่างๆในประเทศไทยกลับสู่สภาวะปกติ
ขณะที่ค่าวัสดุก่อสร้างในปัจจุบันถือว่ายังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่สูงมากนัก หรือเฉลี่ยเพิ่มขึ้นไม่เกิน 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เพิ่มขึ้นถึง 7% ด้านค่าแรงยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ส่วนค่าที่ดินในกรุงเทพฯปรับเพิ่มขึ้นสูงถึง 10% โดยเฉพาะที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า ทั้งนี้ บริษัทได้ใช้งบซื้อที่ดินในปีนี้ไปแล้ว 4 พันล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต จากงบซื้อที่ดินที่ตั้งไว้ที่ 5 พันล้านบาท และในปี 58 คาดว่าจะตั้งงบซื้อที่ดินไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาทเช่นกัน