แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจธนาคารยังคงเติบโตได้ดี แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวลดลงจากการหดตัวของสินเชื่อเช่าซื้อ และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้นตามการปรับโครงสร้างเงินฝากและเงินกู้ยืมให้มีระยะเวลายาวขึ้น แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นตามภาวะตลาดทุนที่ดีขึ้น และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองลดลงร้อยละ 13.06 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีและลดความกังวลต่อคุณภาพสินทรัพย์ โดยคาดว่าสินเชื่อด้อยคุณภาพจะปรับลดลงได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาสต่อๆไป
ขณะที่ นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/57 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 2,428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81 ล้านบาทหรือร้อยละ 3.45 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากการเติบโตของสินเชื่อประเภทอื่นซึ่งทดแทนสินเชื่อรถยนต์ที่ชะลอตัวตามภาวะตลาดยานยนต์ที่ยังไม่ฟื้นตัว การเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและการบริหารสำรองอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ธนาคารได้มุ่งพัฒนาสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันโดยการสานต่อการพัฒนาศักยภาพของระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าและพัฒนาการบริการให้ดีที่สุด โดยธนาคารได้เริ่มดำเนินการใช้ระบบงานอนุมัติสินเชื่อ (LOS System) ซึ่งจะช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อมีความถูกต้อง รวดเร็ว และลดความเสี่ยงการเกิดสินเชื่อด้อยคุณภาพในอนาคต
สำหรับความเพียงพอของเงินกองทุน ธนาคารมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/57 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 15.35 และเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 มากกว่าร้อยละ 10