ทั้งนี้ คาดว่าการขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ตจัสมินโกรท จะมีรายรับหลังหักค่าธรรมเนียมค่างๆและภาษี จำนวนประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปขยายธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต ชำระคืนหนี้บางส่วน จ่ายเงินปันผลบางส่วนให้กับผู้ถือหุ้น
นายพิชญ์ กล่าวว่า ในปี 58 บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนจำนวน 6-7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนแบบก้าวกระโดดจากปกติบริษัทลงทุนปีละ 1-2 พันล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนขยายเส้นใยแก้วนำแสงหรือไฟเบอร์ ออพติคให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
พร้อมตั้งเป้าลูกค้าอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ในปี 58 เพิ่มเป็น 2 ล้านราย จากปัจจุบันมีลูกค้า 1.5-1.6 ราย โดยขณะนี้ลูกค้าใหม่เดือนละกว่า 2 หมื่นราย ขณะที่อัตราลูกค้าออก (Churn Rate) ลดลง
นายพิชญ์ กล่าวว่า ไม่ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) จะอนุมัติจัดตั้งกองทุนฯ หรือไม่ แต่การลงทุนไม่มีปัญหาเพราะบริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการลงทุนในปีหน้า โดยในปีนี้คาดว่า จะมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ประมาณกว่า 6 พันล้านบาท โดย EBITDA ในไตรมาส 3/57 เติบโตสูงสุด หรือเพิ่มขึ้น 58%
"เรามี cash flow เพียงพอในการขยายงาน การลงทุนแบบก้าวกระโดด จากเดิมที่ลงทุน 1-2 พันล้านบาทแต่ละปี แต่ตอนนี้เป็นจังหวะลงทุนแบบ agrassive เรามีแหล่งเงินทุน และยังสามารถกู้เงินได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราก็ยังเดินหน้าลงทุน" นายพิชญ์ กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ส่วนกรณีคดีความต่างๆที่เกิดขึ้นกับบริษัทมีผลต่อราคาหุ้น JAS นายพิชญ์ กล่าวว่า อยากให้นักลงทุนดูที่ปัจจัยพื้นฐานมากกว่า และคดีความต่างๆไม่มีผลกระทบกับกระแสเงินสด
สำหรับกรณีที่สำนักงานก.ล.ต.ให้บริษัทแก้ไขงบการเงินปี 56 และ ไตรมาส 2/57 หลังจากที่ศาลฎีกากลับคำพิพากษาไม่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท นั้น ได้มีเจ้าหนี้ 5 รายได้ยื่นฟ้องขอให้บริษัทชำระหนี้ เมื่อ ส.ค. 57 โดยเป็นเจ้าหนี้ 3 ราย ที่เป็นเจ้าหนี้เดิม บริษัทได้สำรองหนี้สินจากที่ศาลกลับคำพิพากษาในไตรมาส 3/57 จำนวน 274 ล้านบาทไปแล้ว ส่วนเจ้าหนี้อีก 2 ราย เป็นเจ้าหนี้ที่รับโอนสิทธิมาต้องรอการพิสูจน์ ทั้งนี้ บริษัทได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์และ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา
ด้านนายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานคณะกรรมการ JAS กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติคะแนนเสียงข้างมากกว่า 99% อนุมัติการแก้ไขมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2556 ที่อนุมัติให้บริษัทหรือบริษัทย่อยเข้าทำรายการขายสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เนต เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ตจัสมินโกรท โดยขายสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสง (OFC) ประมาณ 980,000 คอร์กิโลเมตร โดยจะส่งมอบประมาณ 800,000 คอร์กิโลเมตร ในวันที่ซื้อขายและอีกประมาณ 180,000 คอร์กิโลเมตร จะทยอยส่งมอบภายใน 2 ปี จากเดิมที่จะมีการขาย OFC ประมาณ 817,000 คอร์กิโลเมตร รวมขาย Access Node ประมาณ 28,200 จุด และ Cable ที่เชื่อมโยงลูกค้าประเภท ADSL ประมาณ 2.25 ล้านพอร์ต ทำให้ขนาดของกองทุนจะอยู่ที่ประมาณ 55,000-70,000 ล้านบาท
พร้อมอนุมัติยกเลิกการจำนำหุ้นสามัญของ บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์(TTTBB) ซึ่งบริษัทอคิวเมนท์ จำกัด (ACU) ถืออยู่ 950ล้านหุ้น หรือ 76% ของหุ้นทั้งหมดของ TTTBB และยกเลิกจำนำหุ้นสามัญของบริษัททริปเปิลทีอินเตอร์เน็ต จำกัด (TTTI) ซึ่ง TTTBB ถืออยู่เป็นจำนวนทั้งสิ้น 760,000 หุ้น หรือร้อยละ 76 ของหุ้นทั้งหมดของTTTI
รวมทั้งอนุมัติการเปลี่ยนแปลงลักษณะการเช่าสินทรัพย์จากกองทุนโดย TTTBB จะทำการเช่าเฉพาะ OFC จากกองทุนประมาณร้อยละ 80 ของที่ส่งมอบตลอดอายุสัญญาในราคาเช่าเหมาที่เริ่มต้น 5,100 บาท/คอร์กิโลเมตร/ปี โดยไม่มีการผูกขาดการเช่าสินทรัพย์ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากกองทุนตกลงให้ TTTBB เป็นผู้ทำการตลาด ส่วนอีก 20% เปิดขายให้รายอื่นในราคา 9,000 บาท/คอร์กิโลเมตร/ปี
ที่ประชุมยังอนุมัติให้บริษัทหรือนิติบุคคลที่บริษัทกำหนดให้เป็นผู้ทำหน้าที่จองซื้อหน่วยลงทุนเป็นจำนวนไม่เกิน 1 ใน 3 ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด