TISCO เชื่อมั่นศก.โลกฟื้นฟันธงเป้าหมายลงทุนปีหน้า"เอเชียเหนือ-ญี่ปุ่น-สหรัฐฯ"

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 29, 2014 13:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ กล่าวในงานสัมมนาใหญ่ TISCO Wealth Investment Forum "จัดพอร์ตลงทุนรับเศรษฐกิจโลกฟื้น “หุ้น-อสังหาฯ ต่างประเทศ" โอกาสมั่งคั่งปี 58" ว่า การลงทุนต่างประเทศจะยังคงเป็นธีมใหญ่ที่ทิสโก้เวลธ์แนะนำลงทุนสำหรับการจัดพอร์ตเพื่อเสริมความมั่งคั่งให้แก่ผู้ลงทุนในปี 58 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวชัดเจนอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น ทิสโก้จะมุ่งเน้นในสองส่วนที่สามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้อย่างครอบคลุมในปีหน้า ได้แก่ กองทุนหุ้นต่างประเทศ และการซื้อขายหุ้นต่างประเทศโดยตรง โดยนายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ. ทิสโก้ กล่าวว่า ในปีหน้าจะเน้นออกกองทุนที่ลงทุนตลาดหุ้นเอเชียเหนือ โดยเน้นเกาหลีใต้ รวมถึงญี่ปุ่น และสหรัฐฯ

ขณะที่ นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวว่า บล. ทิสโก้ มีบริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ TISCO Global Trade ที่เปิดโอกาสนักลงทุนไทยได้เป็นเจ้าของบริษัทระดับโลก โดยทิสโก้มีความพร้อมด้านงานวิจัยกลยุทธ์ที่ให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของการลงทุนในตลาดทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น บทวิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุนทั่วโลกรายเดือน “TISCO Investment Portfolio Strategy หรือ TIPS" รวมไปถึงบทวิเคราะห์สภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ และแนะนำกองทุนอีทีเอฟ (ETF) ชั้นนำทั่วโลกราย 2 สัปดาห์ “TISCO Global Trade: Market Strategy และ Equity Strategy" เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุน ที่ปัจจุบันสนใจหุ้นต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ด้านนายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในปี 58 จะถูกกำหนดด้วย 3 ธีมหลัก ได้แก่ 1. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง 2. ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะทรงตัวในระดับต่ำเป็นเวลานาน และ 3. Yield พันธบัตรสหรัฐจะทรงตัวในระดับต่ำ

ทั้ง 3 ธีมหลักจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจและประเภทสินทรัพย์ ดังนี้ 1. ประเทศผู้ส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่โภคภัณฑ์ (Non-Commodity Exporters) ในสัดส่วนที่สูง เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และเยอรมัน ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของโลก โดยเศรษฐกิจในกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ 2. ประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน (Oil Importers) จากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น

และ 3. สินทรัพย์ที่จ่ายดอกเบี้ยหรือเงินปันผลในระดับสูง (High-Yielding Assets) ซึ่งจะให้ผลตอบแทนได้ดีในภาวะที่ผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เช่น ตราสารประเภท REITs และ High Yield Bond เป็นต้น

ดังนั้น การลงทุนในปี 58 จึงแนะนำลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยดังกล่าว ได้แก่ 1. เอเชียเหนือ นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน และ 2. ญี่ปุ่น เนื่องจากทั้ง 2 กลุ่มเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าเทคโนโลยีเป็นหลัก และได้รับประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่ลดลง รวมถึง3. สหรัฐอเมริกา ที่แนวโน้มการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ฯ จะช่วยทำให้การลงทุนในสหรัฐฯ น่าสนใจเพิ่มขึ้น

ทิศทางการลงทุนปีหน้า ทิสโก้จึงแนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเหนือ โดยเฉพาะเกาหลีใต้และไต้หวัน รวมถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่น และตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง และแนวโน้มดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า ซึ่งจากการปรับฐานของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นทั้ง 3 ภูมิภาคจะมีความน่าสนใจมาก และแนวโน้มคาดการณ์ผลกำไรมีการปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเอเชียเหนือมี Valuation ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 8 ปี ค่อนข้างมาก รวมถึง US REITs ก็มีความน่าสนใจลงทุนในปีหน้าเช่นกัน เนื่องจากเชื่อว่า Yield พันธบัตรสหรัฐฯ จะไม่ปรับขึ้นจากนี้มากนัก

ด้าน ผศ.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเงิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ภูมิภาคที่มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา และ เอเชียเหนือ โดยตลาดหุ้นที่น่าจับตามอง และเป็นโอกาสการลงทุนในปี 58 ซึ่งได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากที่สุด ได้แก่ ตลาดเอเชียเหนือ โดยเฉพาะเกาหลีใต้และไต้หวัน ถือว่าโดดเด่นมากที่สุด เนื่องจากเป็นประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่จะได้เปรียบจากช่วงเวลาที่เงินไหลกลับตลาดสหรัฐฯ ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น นั่นคือ มีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงและมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด

และหากพิจารณาเศรษฐกิจมหภาคของทั้งสองประเทศนี้แล้ว ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ อัตราเงินเฟ้อที่ยังดูดีอยู่ ตัวเลขการส่งออกที่ดีสุดในรอบ 2 ปี สถานภาพทางการคลังของรัฐบาลที่ยังมีเม็ดเงินเหลืออยู่อีกไม่น้อยที่จะใช้เงินอัดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และที่สำคัญ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2%ของเกาหลีใต้ นับว่ายังมีอาวุธเหลืออีกมากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกหลายรอบ รวมถึงในขณะที่รายได้และกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดทั้ง 2 มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ในตอนนี้ก็ยังไม่ได้แพงไปกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต จะเห็นได้ว่าค่า P/E ล่วงหน้า 12 เดือนของตลาดเกาหลีใต้ ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตกว่า1ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในสหรัฐอเมริกา และยุโรปบางประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เริ่มสนใจในสองภูมิภาคนี้มากขึ้น จากที่ 2-3 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ในรอบปี 55-57แนวโน้มของนักลงทุนเริ่มเห็นว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดสำคัญมีราคาที่สูงมากและผลตอบแทนในรูปของYield เริ่มต่ำลง ส่งผลให้นักลงทุนหาทางเลือกอื่นๆ ในการลงทุนมากขึ้น ส่วนรูปแบบการลงทุนจะรับความเสี่ยงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำเลที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนสถาบัน ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป อังกฤษ ญี่ปุ่น ออสเตรเลียในขณะที่จีนเริ่มลดบทบาทลงและตลาดใหม่ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ