"จากนี้ไปอีก 1 ปีข้างหน้าหุ้นไทยเป็นช่วงไซด์เวย์ ไม่มีแรงกระตุ้นเศรษฐกิจหนักๆที่จะ drive ขณะที่ส่งออกก็ยังมีปัญหา การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็ต้องใช้ระยะเวลา แต่หุ้นไทยก็ไม่ถึงกับปรับลงมากมาย แต่ upside ก็ไม่มาก"นายไพบูลย์ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงกลางปี 58 นักลงทุนจะอยู่ในโหมดของการคาดหวังว่าจะมีเลือกตั้งครั้งใหม่ในประเทศไทย ซึ่งก็ต้องติดตามปัจจัจด้านจิตวิทยาของนักลงทุนด้วย แต่โดยส่วนตัวคาดจากนี้ไปอีก 1 ปีคงยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ทัน เพราะต้องรอการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการออกกฎหมายลูกต่างๆ ซึ่งหากพิจารณาจาก time line แล้วเชื่อว่าในช่วงต้นเดือน ก.ย.ปีหน้าก็คงจะจบได้แค่การร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนการออกกฎหมายตามมาคงต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือน จากนั้นราวปลายปี 58 คงจะได้เริ่มเห็นความเป็นไปได้ของการเลือกตั้ง
นายไพบูลย์ ยังแนะนำว่าปี 58 ควรลงทุนในตลาดหุ้นมากกว่าตราสารหนี้ โดยให้เลือกหุ้นที่มีเสถียรภาพสูงภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย (Defensive stock) และให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในะดับสูง เช่น กลุ่มอาหาร สาธารณูปโภค ธุรกิจไฟฟ้า
"ถ้าจะลงทุนในตราสารหนี้ให้เน้นตราสารหนี้ระยะสั้นมากกว่าระยะยาว เพราะแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ถ้าดอกเบี้ยขึ้นสูง การลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวจะเสี่ยงต่อราคาปรับลงได้ แนะลงทุนในหุ้นมากกว่า"นายไพบูลย์ กล่าว
นอกจากนั้น จังหวะที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงปฏิรูปประเทศก็ให้แบ่งการลงทุนในหุ้นต่างประเทศด้วย ชอบตลาดหุ้นสหรัฐเพราะเศรษฐกิจใหญ่ฟื้นตัวชัดเจนแล้วมีความเสี่ยงน้อยที่จะกลับไปถดถอยอีกครั้ง บริษัทจดทะเบียนก็ทำกำไรดี และดอกเบี้ยที่จะขึ้นก็จะค่อยๆขึ้นอย่างน้อยก็ขึ้นไม่เกิน Inflation ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.25% Inflation 2% ยังมีช่องว่างที่ดอกเบี้ยจะขึ้นได้อยู่ ถึงดอกเบี้ยขึ้นก็จะไม่กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็น่าสนใจ เพราะยังใช้นโยบายอีดฉีดสภาพคล่อง เชื่อว่าญี่ปุ่นจะอัดฉีดสภาพคล่องได้อย่างเต็มที่เพราะธนาคารกลางมีอำนาจฉีดเงินได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนยุโรปควรรอดูความชัดเจนก่อน เพราะตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาล่าสุดยังสร้างความผิดหวังให้กับตลาด มองว่าเศรษฐกิจคงยังไม่ฟื้นทันที แค่ประคองไม่ให้ทรุดตัวเท่านั้น
"เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ช่วยหุ้นดูดีขึ้น ในประเทศอยู่ช่วงจังหวะปฏิรูปประเทศไม่ใช่ช่วงจังหวะปกติ เป็นการสร้างกรอบปฏิรูปทุกด้าน ก็แค่ประคองเศรษฐกิจอาจโตบ้างแต่ไม่หวือหวา การลงทุนก็เท่าที่จำเป็นเช่นโครงสร้างพื้นฐาน ที่สำคัญสุดคือแนวทางปฏิรูปประเทศถ้าออกมาดีพอตลาดหุ้นก็จะตอบรับ ดังนั้น ช่วงที่หุ้นไทยรอแผนปฏิรูปชัดเจน ก็หาลงทุนต่างประเทศไว้บ้าง ซึ่งตลาดหุ้นระยะสั้นก็ไม่น่ามีปัจจัยกระตุ้นแรงๆ มีแค่แรงซื้อ RMF และ LTF แต่คงไม่มาก ไม่หวือหวา" นายไพบูลย์ กล่าว