ขณะที่รายได้ทั้งปี 57 คาดว่าจะเกิน 3.3 หมื่นล้านบาทสูงกว่าที่ประมาณการไว้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพของบริษัทเป็นอย่างดี
นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ CK เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 57 จะเติบโตเป็นมากกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท หลังจากได้รับงานใหม่าเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนทำให้ปริมาณงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปีนี้น่าจะสูงถึง 1 แสนล้านบาท
ล่าสุด บริษัทได้รับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น ที่บางปะอิน (เฟส 2) ขนาดกำลังการผลิต 120 เมกกะวัตต์ มูลค่างาน 4,310 ล้านบาท ซึ่งจะเซ็นสัญญาว่าจ้างกับ บมจ.ซีเคพาวเวอร์(CKP)ในวันที่ 10 พ.ย. และงานโครงการขยายกำลังการผลิตน้ำปะปาใน จ.สมุทรสาคร และจ.นครปฐม มูลค่างาน 2,910 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างขยายกำลังการผลิตน้ำปะปาที่ จ.ปทุมธานี มูลค่า 370 ล้านบาท ซึ่งจะเซ็นสัญญาว่าจ้างกับ บมจ.น้ำประปาไทย(TTW) ในวันที่ 23 ธ.ค.
"คาดว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโตกว่า 33,000 ล้านบาท จากงานในมือทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 1 แสนล้านบาท ก็จะทยอยรับรู้ปีนี้ และไปถึงปี 58 ก็จะเหลืออีกกว่า 70,000 ล้านบาท น่าจะเพียงพอต่อการเติบโตไปอีก 2 ปี และระหว่างทางเราก็เข้าไปประมูลงานเพิ่ม ก็จะมีงานเข้ามาอีก ช่วยต่อยอดงานในมือให้เพิ่มขึ้น"นายพงษ์สฤษดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 58 บริษัทคาดว่จะมีรายได้อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปี 57 เนื่องจากในปีนีบริษัทมีรายได้พิเศษจากการขายหุ้นสามัญของ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ(BMCL)ออกไปจำนวน 1,025 ล้านหุ้น
ขณะที่บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานเพิ่มในปีหน้า โดยเน้นโครงการของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว(หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) สายสีชมพู และสายสีส้ม รวมถึงบริษัทมีความพร้อมเข้ารับงานโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ โดยคาดหวังจะได้งานอย่างน้อย 1 เส้นทาง และโครงการถนนมอเตอร์เวย์ นอกจากนั้น ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย)ที่มีความคาดหวังเป็นอย่างมากที่จะได้รับงานดังกล่าวที่มีมูลค่างาน 20,000 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจากทางภาครัฐว่าจะใช้วิธีประมูล หรือเจรจาตรงกับ BMCL คาดว่าน่าจะได้ความชัดเจนอย่างเร็วที่สุดภายในปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า
"งานใหม่เรามีความคาดหวังอย่างมากสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย) มูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งยังค้างท่ออยู่ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของทางภาครัฐ ว่าจะใช้วิธีประมูลหรือต่อยอดผู้ประกอบการรายเดิม หากภาครัฐสามารถสรุปได้ทันในปีนี้การก่อสร้างของทางรถไฟฟ้าที่ตั้งเป้าหมายให้เสร็จในปี 60 และเดินเครื่องในปี 61 ก็จะเป็นไปตามแผน แต่หากล่าช้าทุกอย่างก็จะช้าไปหมด เรามองว่า ณ วันนี้ต้องมี operator เกิดขึ้นแล้ว ขณะที่ในปี 58 เราก็มีความพร้อมเข้าประมูลงานเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สีส้ม สีชมพู และโครงการรถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ ก็น่าสนใจ"นายพงษ์สฤษดิ์ กล่า
พร้อมกันนั้น บริษัทยังมีการศึกษาการลงทุนเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศก็จะเป็นลักษณะของการเดินไปข้างหน้าพร้อมกับงานของภาครัฐที่จะมีออกมา ส่วนต่างประเทศ บริษัทก็ได้เข้าไปเป็นพันธมิตรกับ TTW ศึกษาเพื่อพัฒนาโครงการน้ำปะปาในพม่า คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 58 เบื้องต้นคงใช้เงินลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาท รวมถึงร่วมกับ CKP ศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่นในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีหน้าเช่นกัน
ในส่วนของงานก่อสร้างที่บริษัทดำเนินการอยู่ในปัจจุบันล้วนแล้วแต่มีความก้าวหน้าเป็นอย่างดีตามแผนงาน เช่น โครงการก่อสร้างทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวน มีความก้าวหน้า 23% โครงการผลิตไฟฟ้าไซยะบุรี มีความก้าวหน้า 45% โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ มีความก้าวหน้า 48% และโครงการที่เป็นที่สนใจของประชาชนเป็นอย่างมากในขณะนี้ คือ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน มีความก้าวหน้า 59% ซึ่งขณะนี้งานขุดเจาะอุโมงค์รถไฟฟ้าอยู่ระหว่างลอดแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะทำการขุดเจาะอุโมงค์แล้วเสร็จครบทั้ง 2 อุโมงค์ในปลายปี 2558 และโครงการจัดซื้อรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีความก้าวหน้า 99% ซึ่งบริษัทได้ว่าจ้างบริษัท J-Trec ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตขบวนรถไฟฟ้า ขณะนี้ได้เริ่มผลิตแล้ว คาดว่าจะส่งขบวนรถขบวนแรกมาถึงเมืองไทยในช่วงเดือนตุลาคม 2558 มีความก้าวหน้ารวม 12%
ปัจจุบัน จากผลการดำเนินงานของบริษัทที่เติบโตและมั่นคงอย่างมาก ทำให้มีนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจกับหุ้นของ ช.การช่างเป็นอย่างมาก โดยในช่วงเดือน ก.ย.57 บริษัทได้ไป RoadShow ที่ประเทศฮ่องกง และได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยให้ความสนใจกับกลยุทธ์การดำเนินงานและการลงทุนของบริษัทเป็นอย่างมาก เพราะทำให้บริษัทเกิดรายได้และกำไรที่มั่นคง และมีศักยภาพที่จะเข้าร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ กับภาครัฐและเอกชนสูงกว่าบริษัทก่อสร้างปกติ