บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่(TSE)ให้ราคาเหมาะสม 5.10 บาท/หุ้น อิง SOTP โดย TSE เป็นผู้เล่นรายใหม่ของอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ที่กำลังจะเริ่มเข้าสู่ปี 2558 ด้วยผลกำไรที่มั่นคง และเติบโตสูงถึง 1,257% YoY พร้อมด้วยฐานะทางการเงินเข้มแข็ง ที่จะเปิดโอกาสให้ TSE เข้าไปรับส่วนแบ่งการจัดสรรของทางการได้ จึงมองว่า TSE ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดในประเทศราว 8% น่าจะเป็นผู้ประกอบการอีกรายที่น่าจับตามอง จากฐานะทางการเงินที่พร้อม ขณะที่กลุ่มผู้บริหารมีความกว้างขวางในภาคธุรกิจสูง ซึ่งน่าจะต่อยอดการเติบโตได้ในระยะยาว
TSE เป็นผู้ประกอบการด้านพลังแสงอาทิตย์ ถือหุ้นใหญ่โดย กลุ่ม ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการขายไฟฟ้าแล้ว 84.5 MW ประกอบไปด้วย โรงไฟฟ้าแบบ Solar Thermal 4.5 MW และ แบบ Solar PV farm 80 MW ซึ่งมี GPSC (ในเครือ ปตท. ถือหุ้น 40%) ขณะเดียวกัน TSE เป็นผู้ได้รับการจัดสรรใบอนุญาตโครงการโซล่าบนหลังคาโรงงาน (Solar Commercial Rooftop) จำนวน 14 MW คิดเป็นปริมาณสูงสุดในประเทศ ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าได้ภายใน 2H57 นี้ บนหลังคาของห้าง HomePro และ The Mall
กำไรปกติปี 2557 คาดเร่งตัวขึ้น +1,257% YoY จากกำลังการผลิตของ Solar PV farm ที่ทยอยเข้ามาครบ 80 MW ในกลางปี 2557 และจะเร่งตัวขึ้นอีก +69% YoY ในปี 2558 จากการรับรู้รายได้เต็มปีของโซล่าฟาร์มทั้งหมด และรวมถึงโครงการโซล่าบนหลังคาที่จะเริ่มขายไฟฟ้าเป็นปีแรก ซึ่งเราคาดว่าจะเห็นการจ่ายปันผลครั้งแรกในปี 2558 ที่ 0.08 บาท/ หุ้น พร้อมๆกับ D/E ที่จะลดลงไปสู่ 1.2 เท่า พร้อมเข้าสู่การเป็นผู้เล่นหลักเต็มรูปแบบของตลาดพลังงานทดแทนของประเทศ ที่มีทิศทางที่สดใส