ทั้งนี้ บริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญรวมจำนวนทั้งสิ้น 420 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 35 ของทุนจดทะเบียนของบริษัท ซึ่งแบ่งจำนวนไม่เกิน 126,707,006 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.56 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ จะเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นสามัญของ SALEE ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ใน SALEE (Pre-emptive Right) และจำนวน 293,292,994 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 24.44 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป (IPO)
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปก่อสร้างอาคารโรงงานและคลังสินค้า,ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินและที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุมัติจดทะเบียนหุ้นสามัญทั้งหมดเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ช่วงต้นปี 2558
นายเศวต นราธิปกร กรรมการผู้จัดการ SLP กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจรับผลิตฉลากสินค้าและงานพิมพ์คุณภาพสูง โดยใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย ส่งผลให้ฉลากที่ผลิตออกมามีคุณภาพสูง มีความละเอียดและสวยงาม ประกอบกับมีระบบการตรวจสอบคุณภาพและจำนวนของชิ้นงานหลังการผลิต ทำให้บริษัทสามารถจัดส่งสินค้าได้ครบถ้วนตามจำนวนและตรงกับคุณภาพที่ลูกค้ากำหนด
กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทแบ่งออกตามคุณลักษณะและการใช้งานเป็น 3 ประเภทหลัก คือ 1)ฉลากสินค้าที่มีกาวในตัว (Self Adhesive Label) 2)ฉลากสินค้าแบบผนึกในแม่พิมพ์บรรจุภัณฑ์ (In-mould Label) และ 3) งานพิมพ์ผลิตภัณฑ์กระดาษที่ไม่มีกาว (Offset Printing)
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 54–56 และงวด 6 เดือน ปี 57 มีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมเท่ากับ 455.83 ล้านบาท, 552.64 ล้านบาท, 717.27 ล้านบาท และ 356.46 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 188.19 ล้านบาท, 263.18 ล้านบาท, 320.28 ล้านบาท และ 135.77 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 78.30 ล้านบาท, 130.55 ล้านบาท, 163.80 ล้านบาท และ 64.31 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 17.18, ร้อยละ 23.62, ร้อยละ 22.84 และร้อยละ 18.04 ตามลำดับ
"ธุรกิจของบริษัท ยังเติบโตได้ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากอิงกับอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค ส่งผลทำให้มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทที่จะมีการเติบโตตามไปด้วย นอกจากนี้ยังมองว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจที่จะเป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากได้เงินทุนมาสำหรับขยายธุรกิจและปรับฐานทุนของบริษัทให้มีความแข็งแรงแล้ว ยังทำให้ชื่อเสียงของ SLP เป็นที่ยอมรับและรู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย ดังนั้น การระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้ SLP มีโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งกว่าที่เป็นมาบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าเดิม"นายเศวต กล่าว
ปัจจุบัน SLP มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 900 ล้านหุ้น