ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต แนวโน้มอันดับเครดิตของ FNS สะท้อนถึงผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังสะท้อนถึงฐานะเงินทุนที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงและผลงานที่ต่อเนื่องของบริษัทในธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน/วาณิชธนกิจ
สภาพแวดล้อมทางธุรกิจภาคการเงินของไทยยังคงมีแนวโน้มที่อ่อนแอในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจและภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ยังอ่อนแอ ปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ FNS และทำให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิในครึ่งแรกของปี 2557 (หลังจากที่ผลประกอบการพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในปี 2556 ซึ่งเป็นช่วงที่สภาพแวดล้อมทางการดำเนินงานเอื้ออำนวยมากกว่า)
FNS ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการทำสัญญาขายบริษัทลูกซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนออกไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 อีกทั้งบริษัทยังมีแผนที่จะปรับปรุงผลการดำเนินงานของบริษัทร่วม ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าสำหรับคลังสินค้า โดยการขายสินทรัพย์ แม้ว่าแผนในการปรับโครงสร้างธุรกิจอาจช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตได้ แต่อย่างไรก็ตามความสามารถของบริษัทในการรักษาผลประกอบการให้มีกำไรอย่างต่อเนื่องตลอดวัฏจักรเศรษฐกิจนั้นยังคงมีความไม่แน่นอน
ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนดังกล่าวอาจถูกลดทอนได้บ้างโดยโครงสร้างเงินทุนที่ค่อนข้างดีของ FNS นอกจากนี้ที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นของบริษัทได้ให้การสนับสนุนในด้านเงินทุนมาอย่างต่อเนื่อง จากการเพิ่มทุนที่ผ่านมาเมื่อเดือนธันวาคม 2555 และ เดือนพฤษภาคม 2556 ส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมที่ยังคงแข็งแกร่งที่ 79% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต แนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับเป็น ‘มีเสถียรภาพ’ หาก FNS สามารถรักษาเครือข่ายทางธุรกิจ (franchise) ในระดับนี้ได้อย่างต่อเนื่องภายใต้สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ยังคงท้าทาย การปรับโครงสร้างธุรกิจสำเร็จตามแผนที่วางไว้ และมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญในด้านสภาพคล่อง ฐานะเงินทุนและความสามารถในการทำกำไร
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นภายใต้โครงสร้างธุรกิจปัจจุบันของบริษัท เนื่องจากบริษัทไม่สามารถรักษาผลประกอบการให้มีกำไรอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงวัฏจักรธุรกิจ ในขณะเดียวกันอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากโครงสร้างทางธุรกิจและเครือข่ายทางธุรกิจปรับตัวแย่ลงและไม่เหมาะสมกับช่วงอันดับเครดิตในปัจจุบัน และ/หรือ การที่บริษัทมีระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การที่บริษัทไม่สามารถที่จะรักษาระดับสภาพคล่องที่เพียงพอ หรือการมีผลการดำเนินงานขาดทุนอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจหลัก