บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป(SPA) เป็นหุ้นที่พึ่งพาการท่องเที่ยวของต่างชาติเป็นหลัก หากเทียบ SPA กับกลุ่ม Tourism ซึ่งปัจจุบันมี PER เฉลี่ยที่ 38 เท่า และ PBV 2.2 เท่าจะทำให้ได้มูลค่าที่เหมาะสมปี 58F ที่ราว 3.3-3.4 บาท ซึ่งการยกเลิกกฎอัยการศึกและบรรยากาศการเมืองที่สงบจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม
SPA และบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสปา แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือ1) ธุรกิจสปา ภายใต้แบรนด์ Let's Relax, Sabaii by let's Relax, RarinJinda Wellness spa รวมแล้วมีทั้งสิ้น 14 สาขา และคิดเป็นรายได้ 76% ของบริษัทเน้นลูกค้าต่างประเทศ 2) ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่เชียงใหม่ชื่อ RarinJinda Wellness spa Resort 3) ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา 4) กิจการโรงเรียนนวดแผนไทย ทั้งนี้ ลูกค้าหลักของ SPA คือ กลุ่มคนที่มีรายได้ 3-5 หมื่นบาท/เดือน และนักท่องเที่ยวเป็นหลัก
บริษัทมีแผนในการขยายสาขาปีละไม่ต่ำกว่า 3 สาขา โดยอาจขยายสาขาในต่างประเทศอนาคต โดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาข้อจำกัดและข้อบังคับกฏหมายต่างๆ สำหรับธุรกิจสปาในเอเซีย ทั้งนี้ขึ้นกับการจัดหาทำเลและศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการในอนาคต