โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายนนี้ และคาดว่าสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า" NCL" และยังมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 2 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
"ที่ผ่านมาเราได้เดินทางไปโรดโชว์ 8 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา ชลบุรี เชียงใหม่ หาดใหญ่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น ภูเก็ต และพิษณุโลก ซึ่งนักลงทุนให้การตอบรับอย่างล้นหลามเนื่องจากธุรกิจของ NCL มีความแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบที่โดดเด่น สำหรับการกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอของ NCL ในครั้งนี้ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจบริการด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทั้งบริการขนส่งภายในประเทศ และจัดการขนส่งระหว่างประเทศ โดยมีส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 49.82% ดังนั้น ผมจึงเชื่อมั่นว่าหุ้น NCL จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก และจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนด้วย"นายประสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ NCL กล่าวถึงการกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอที่ระดับ 1.80 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจาก NCL มีจุดแข็งตรงที่มีความโดดเด่นในอุตสาหกรรม ประกอบกับมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีผลประกอบการเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดีมาโดยตลอดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมากว่า 18 ปี จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของบริษัท จึงทำให้มั่นใจว่าหุ้นไอพีโอของ NCL จะได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุน
นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปลงทุนซื้อรถบรรทุกหัวลาก – หางลาก, ชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยธุรกิจให้บริการขนส่งภายในประเทศด้วยหัวลากของบริษัท ถือเป็นธุรกิจหลักอันดับสอง ที่นอกจากจะสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับบริษัทแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความต่อเนื่องในการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจรอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจขนส่งในประเทศด้วยรถหัวลาก-หางลาก รวมทั้งเปิดจุดบริการรับส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่งภายในปี 2558 ได้แก่ จุดให้บริการที่จังหวัดสงขลา เพื่อให้บริการรับส่งสินค้าในเส้นทางระหว่างท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือสงขลาหรือท่าเรือปีนัง และจุดให้บริการที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อให้บริการรับส่งสินค้าในเส้นทางระหว่างท่าเรือแหลมฉบังและจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นการรองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัท และเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่จะผ่านประเทศไทย ภายหลังจากการรวมตัวกันของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ดังนั้นจึงมั่นใจว่าในอนาคต NCL จะสามารถขยายตัวต่อไปได้อีกมากจากเงินทุนหมุนเวียนที่มีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ