สาหรับกำไรขั้นต้นจากการกลั่นไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ามันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนน้ามันดิบที่ปรับตัวลดลง อย่างต่อเนื่องใน Q3/57 ในส่วนของธุรกิจผลิตสารอะโรมาติกส์ อุปทานสารพาราไซลีนในตลาดเริ่มปรับตัวลดลงเนื่องจากผู้ผลิตหลายรายปรับลด กาลังการผลิตและราคาวัตถุดิบลดลงตามราคา ULG 95 ทำให้ส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนและ ULG95 ปรับดีขี้นจากไตรมาสก่อน ในส่วนของ ธุรกิจน้ามันหล่อลื่นพื้นฐาน ส่วนต่างราคาน้ามันหล่อลื่นพื้นฐานเทียบกับราคาน้ามันเตายังคงทรงตัว ส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ามันปรับเพิ่มขึ้น 0.4 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 5.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ดี ราคาน้ามันดิบปิดเฉลี่ยใน Q3/57ปรับลดลงอย่างมากจากสิ้น Q2/57 ถึง 11.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกเพื่มขึ้นหลังจากประเทศผู้ส่งออกน้ามันดิบในตะวันออกกลางมีกำลังการผลิตและปริมาณการส่งออกเพื่มขึ้น แต่อุปสงค์การใช้น้ามันของโลกเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ ทำให้เครือไทยออยล์มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน โดยกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต็อกน้ามันปรับลดลง 5.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่มาที่ 0.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้เครือไทยออยล์มี EBITDA ติดลบ 545 ล้านบาท ซึ่งรวมผลกำไรจากการประกันความเสี่ยงสุทธิ 695 ล้านบาท
ทั้งนี้ เครือไทยออยล์มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 561 ล้านบาทเพมิ่ ขึ้น 270 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน นอกจากนี้การขาดทุนในไตรมาสทำให้มีการบันทึกภาษีเงินได้ที่ได้รับคืนจานวน 118 ล้านบาท ส่งผลให้เครือไทยออยล์จึงมีผลขาดทุนสุทธิ 2,175 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 1.07 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 57 (9M/57) เทียบกับ 9M/56 เครือไทยออยล์มีรายได้จากการขายลดลง 5,078 ล้านบาท สาเหตุหลักจากปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการกลัน่ ลดลงจากการหยุดซ่อมบารุงใหญ่ของโรงกลัน่ น้ามันและโรงผลิตสารอะโรมาติกส์ ทั้ง้นี้ ส่วนต่างราคาน้ามันสาเร็จรูปและน้ามันดิบ และส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนและULG 95 ที่ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวม ผลกระทบจากสต๊อกน้ามันลดลง 1.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 5.6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ 9M/57 มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ามัน 3,985 ล้านบาท เทียบกับผลกำไรจากสต๊อกน้ามัน 1,378 ล้านบาทใน 9M/56 ส่งผลให้เครือไทยออยล์มี EBITDA ลดลง 10,056 ล้านบาทมาอยู่ที่ 8,024 ล้านบาท ซึ่งรวมผลกำไรจากการประกันความเสี่ยงสุทธิ 1,891 ล้านบาท และมีกาไรสุทธิลดลง 6,854 ล้านบาท มาอยู่ที่2,453 ล้านบาท