สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย ( 31 ต.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 74,843 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 53,487 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 71.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 18,511 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 24.7% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 399 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB15DA, LB236A และ LB21DA (รุ่นอายุ 1.2 ปี, 8.7 ปี และ 7.2 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 10,976 ล้านบาท หรือคิดเป็น 59% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)(MINT155A) มูลค่า 112.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(PTTC153A) มูลค่า 60.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)(LH153A) มูลค่า 60.6 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 234.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,957 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,584 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -524 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.75% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.03%
Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อยในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้น 18.81 จุด นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากขึ้น ล่าสุดตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2557 ขยายตัว 3.5% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเติบโตที่อัตรา 3% ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 524 ล้านบาท ทั้งนี้ยอด Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้ เพิ่มขึ้น 355 ล้านบาท จาก 687,321 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน เป็น 687,676 ล้านบาท