อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับลดลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับความเชื่อมั่นปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นยังมีความเปราะบาง เนื่องจากนักธุรกิจยังกังวลว่าเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 อาจขยายตัวไม่เท่ากับที่คาดการณ์ไว้ และธุรกิจในภาคบริการได้รับผลกระทบ จากการชะลอตัวของการท่องเที่ยว แต่การที่ภาครัฐเดินหน้าลงทุนโครงการคมนาคมและ โลจิสติกส์ รวมทั้งการขยายตัวของการค้าชายแดน ช่วยให้เศรษฐกิจในภูมิภาคมีแนวโน้มเติบโตดี ความเชื่อมั่นของนักธุรกิจในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯและปริมณฑลจึงปรับตัวสูงขึ้น
นายพูลพัฒน์ กล่าวเสริมว่า จากการสำรวจความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันในระยะ 1 ปี ข้างหน้า พบว่านักธุรกิจส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเมืองมากที่สุด คิดเป็น 33.3% รองลงมา คือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก 14.5% ตามด้วยอัตราดอกเบี้ย และ ราคาสินค้าเกษตร คิดเป็น 12.1% และ 2.7% ตามลำดับ