ปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ 70% โดยส่วนใหญ่จะเป็น ยุโรป และในเอเซีย ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี และจีน รวมไปถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆจะเป็นจุดเชื่อมเส้นทางที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการมากขึ้นด้วย
สำหรับแนวโน้มรายได้ปีนี้คาดว่าจะอยู่ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ราว 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรกทำให้นักท่องเที่ยวใช้บริการลดลง ส่งผลให้อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) ปีนี้มาเหลืออยู่ที่ 65-66% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 68-69% แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าไตรมาส 4/57 จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 69-70% หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว
ทั้งนี้ บริษัทฯมีแผนจะเปิดเส้นทางบินใหม่ไปยังอินโดนีเซีย และจีนตอนใต้ ซึ่งคาดว่าเส้นทางบินที่จะเปิดให้บริการได้ก่อนคือ อินโดนีเซีย ราวปลายปี 58- ต้นปี 59
นายพุฒิพงศ์ กล่าวอีกว่า เงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) บริษัทฯจะนำไปใช้เพื่อที่จะขยายฝูงบิน โดยตั้งเป้าปี 61 จะมีฝูงบินทั้งหมด 43 ลำ จาก ณ สิ่นปีนี้จะมีฝูงบินทั้งหมด 28 ลำ โดยมีเป้าหมายเพิ่มฝูงบินเฉลี่ย 3-4 ลำต่อปี ซึ่งจะทำให้อัตราการเติบโตของผู้โดยสารของ BA เพิ่มขึ้นในอัตรา 19-20% ต่อปี ไปจนถึงปี 61
นอกจากนี้บริษัทจะนำไปจัดซื้ออะไหล่สำหรับฝูงบิน สร้างโรงซ่อมอากาศยานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ปรับปรุงสนามบินสมุย และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับราคาหุ้น IPO ที่ทำการซื้อขายวันแรกต่ำกว่าราคาจองซื้อที่ 25 บาท นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า บริษัทฯปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาด และบริษัทฯยังเชื่อมั่นว่าหุ้น BA มีพื้นฐานที่เหมาะสมในการลงทุนระยะยาว และมีอนาคตที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามภาคการท่องเที่ยวที่มีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ด้านนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล. บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน BA กล่าวว่า การเปิดซื้อขายหุ้น BA เป็นวันแรกและมีราคาต่ำกว่าจองถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่ให้นักลงทุนที่มีความสนใจเข้าซื้อหุ้น โดยมองว่าหุ้น BA ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก และช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ดีของ BA ที่ราคาน้ำมันอยู่ปรับตัวลงมาต่ำกว่าก่อนหน้านี้ ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมามากขึ้น หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมื่องคลี่คลาย ประกอบกับเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวอีกด้วย ขณะที่ราคาเหมาะสมจากบทวิเคราะห์ต่างๆอยู่ในระดับมากกว่าราคา IPO พอสมควร แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงของการห้ามเปิดเผยข้อมูลของนักลงทุนสถาบันต่างชาติ ในขณะเดียวกัน BA ยังมีการกระจายรายได้ที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีมูลค่าเพิ่มของกำไรในการถือหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) อีกกว่า 6%
ช่วงที่เหลือของปีนี้ บล.บัวหลวง เหลือดีล IPO อีก 1 บริษัท ที่อยู่ระหว่างการรออนุมัติ แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทันในปีนี้หรือไม่ ขณะที่ผลประกอบการปีนี้คาดว่าทั้งรายได้และกำไรจะใกล้เคียงกับปี 56 หลังจากที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปรับเพิ่มขึ้นมาเป็นกว่า 4 หมื่นล้านบาท/วัน หลังจากที่สถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ถึงกว่า 70% รวมไปถึงรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจเข้ามามากขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง จากที่ครึ่งปีแรกแทบจะไม่มีเลย