สำหรับในไตรมาส 4/57 คาดว่า BDI จะปรับตัวดีขึ้น ตามอุตสาหกรรมเดินเรือที่จะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากบราซิลจะมีการขนส่งแร่เหล็กมากขึ้น และไตรมาส 4/57 คาดว่าความต้องการถ่านหินในจีนจะมากขึ้นจากก่อนหน้านี้ความต้องการถ่านหินน้อยเนื่องจากปริมาณน้ำฝนมากสามารถมาใช้ทดแทนการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า แต่หลังจากปริมาณน้ำน้อยลงความต้องการใช้ถ่านหินก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย ในขณะที่อเมริกาใต้ ชะลอการขนส่งสินค้าเกษตร เนื่องจากต้องการรอให้ราคาสินค้าเกษตรมีราคาที่สูงขึ้นก่อน แต่อย่างไรก็ตามสินค้าเกษตรไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน จึงเชื่อว่าไตรมาส 4/57 จะขนส่งสินค้าที่เก็บไว้ออกมาขาย
"ไตรมาส 4/57 BDI คงจะดีกว่าไตรมาส 3/57 เพราะหลายปัจจัยส่งผลดี ทั้งความต้องการถ่านหินในจีนที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงหน้าหนาว และฝนที่ลดลงทำให้บราซิลกลับมาขนส่งแร่เหล็กไปจีนได้มากขึ้น อีกทั้งอเมริกาใต้ ก็จะขนส่งสินค้าเกษตรออกมาขายมากขึ้นจากที่ชะลอไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเดินเรือ ในไตรมาส 4/57-ไตรมาส 1/58" นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะใช้เงินซื้อเรือใหม่ในช่วง 2 ปีข้างหน้า (58-59) จำนวน 24 ลำ มูลค่า 656 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็นปี 58 และจะรับมอบเรือ ใหม่ 17 ลำ ซึ่งเป็นเรือที่มีเครื่องยนต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ปี 59 จะมีการรับมอบเรือใหม่อีก 7 ลำ ส่งผลให้ปี 59 บริษัทฯมีกองเรือของบริษัทฯ อยู่ที่ 48 ลำ และมีอายุเฉลี่ย 3.5 ปี ขนาดเฉลี่ย 50,000 เดทเวทตัน/ลำ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีการจัดหาแหล่งเงินทุนมาแล้วกว่า 70% โดยปัจปัจจุบันบริษัทฯเหลือเพียงการหาแหล่งเงินกู้อีก 4 ลำ ทั้งนี้หลังจากที่กู้เงินมาใช้ในการซื้อเรือแล้วจะส่งอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) มาอยู่ที่ระดับ 1-1.3 เท่า จากปัจจุบันที่มี D/E 0.79 เท่า