สำหรับผลประกอบการในปีนี้บริษัทได้ปรับลดเป้ารายได้ลงเหลือใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ 700.74 ล้านบาท จากเดิมที่เคยคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ 15% จากปีก่อน เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองและปัญหาแรงงานส่งผลให้งานต่างๆ ล่าช้าออกไป แต่ช่วงครึ่งปีหลังเมื่อการเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น บริษัทก็เริ่มมีงานเข้ามามากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีงานประเภทก่อสร้างในมือ(backlog)ราว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในช่วงปลายปีนี้ราว 300-400 ล้านบาท
"เรามั่นใจว่าปี 58 เราจะกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง เพราะงานเก่าๆที่มีความล่าช้าและค่าใช้จ่ายสูงจะหมดไปในปีนี้ และงานต่อจากนี้จะเป็นงานที่ใช้คนน้อยค่าใช้จ่ายน้อย รวมถึงการรับงานภาครัฐฯที่มีการจ่ายเงินตรงเวลาทำให้เรามั่นใจว่าเราจะกลับมามีกำไรได้อีกครั้ง ส่วนรายได้ปีนี้เราลดเป้าลงมาเนื่องจากการเมืองกระทบและการปัญหาแรงงานทำให้งานล่าช้าออกไปบ้าง แต่หลังจากที่การเมืองคลี่คลายลงงานต่างๆก็ดีขึ้นครึ่งปีหลังก็คงจะเห็นภาพของผลประกอบการที่ดีขึ้นด้วย"นายสลิบ กล่าว
นายสลิบ กล่าวอีกว่า บริษัทจะหันมาเน้นรับงานที่เป็นสัมปทานมากขึ้นเพื่อที่จะให้มีรายได้เข้ามาอย่างตอ่เนื่อง อาทิ งานจากการประปาส่วนภูมิภาค และงานบำบัดน้ำเสีย เพื่อช่วยสร้างเสถียรภาพของรายได้ให้มีเข้ามาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากสัมปทานต่างๆ ทั้งในไทยและพม่าตั้งแต่ปลายปี 58 เป็นต้นไป โดยหลังจากที่รับรู้รายได้จากงานสัมปทานจะทำให้สัดส่วนรายได้ในปี 58 มาจากงานก่อสร้าง 80% และงานรับจ้างบริหาร 10% และรายได้จากงานสัมปทาน 10% จากปีนี้มีสัดส่วนรายได้มาจากงานก่อสร้าง 90 % และงานรับจ้างบริหาร 10%
"แผนปีหน้าเบื้องต้นเราจะเน้นรับงานสัมปทานมากขึ้นเพื่อที่จะให้มีรายได้ของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งในปีหน้าเองเราจะเห็นสัดส่วนรายได้จากสัมปทานราว 10% และจะค่อยๆเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ"นายสลิบ กล่าว