ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดดังนี้ ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การประกาศมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศของกองทุนบำเหน็จบำนาญญี่ปุ่น, แนวโน้มกระแสไหลเข้าของเงินลงทุน (Fund flow) ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดล่วงหน้า, คาดการณ์ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 6 พฤศจิกายนศกนี้ มีโอกาสสูง 60% ที่อาจมีการส่งสัญญาณออกมตราการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม และคาดการณ์เม็ดเงินลงทุนจากกองทุน LTF และ RMF ที่ยังรอซื้ออยู่ในระบบอีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ยังน่ากังวล คือ คาดการณ์รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะเผยแพร่ในวันที่ 19 พฤศจิกายน มีโอกาสที่คณะกรรมการส่วนใหญ่อาจแสดงความเห็นที่เข้มงวดมากขึ้น ประกอบกับอาจมีแรงขายเพื่อปิดกองทุน Trigger fund ที่บริเวณดัชนี 1,600 -1,620 จุด และปริมาณการคำสั่งซื้อ (Long) ค่าเงินดอลลาร์สุทธิของกองทุน Hedge fund ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
หุ้นที่แนะนำสำหรับเดือนพฤศจิกายน ได้แก่ กลุ่มสื่อสารที่ได้ประโยชน์จากธีม Digital economy ได้แก่ ADVANC, INTUCH, กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่มีโอกาสได้เห็นเม็ดเงิน FDI มากขึ้นจากภาวะเงินเยนอ่อนค่า ได้แก่ TICON, HEMRAJ กลุ่มที่มีโอกาสถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ได้แก่ CK, KTIS, กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่มี Downside risk จำกัด ได้แก่ PTTEP, PTTGC, และกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ ROBINS, TPOLY