นอกจากนี้ อิโตกิ ยังมีพันธมิตรอยู่ในอินโดนีเซียด้วย ดังนั้น ในอนาคต MODERN ก็มีโอกาสที่จะมีการลงทุนร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ ไทย ญี่ปุ่น และ อินโดนีเซีย เพื่อทำตลาดเฟอร์นิเจอร์ร่วมกัน โดย MODERN มีความชำนาญด้านดีไซน์ และญี่ปุ่นชำนาญด้านเทคโนโลยี ขณะที่อินโดนีเซียเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรจำนวนมาก จึงมองว่าจะมีโอกาสขยายโอกาสการลงทุนได้มาก
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายขยายการลงทุนต่างประเทศ เพื่อผลักดันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศให้เพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 3%
พร้อมกันนั้น บริษัทจะอาศัยการมีพันธมิตรญี่ปุ่นในการเจาะตลาดลลูกค้าญี่ปุ่นในประเทศไทยให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีคู่ค้าญี่ปุ่นแล้ว 100 ราย และมีขนาดตลาดชาวญี่ปุ่นราว 4,000 ราย
นายทักษะ ยังเปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการโรงพยาบาลในกรุงเทพ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในต้นปี 58 เพื่อรองรับงานของบริษัทย่อย คือ บริษัท โมเดิร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด ที่ MODERN ถือหุ้นในสัดส่วน 60% ดำเนินธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์โรงพยาบาล ทั้ง ห้องผ่าตัด ห้องไอซียู และ ห้องพักแพทย์
"เคยคุยกับโรงพยาบาลก่อนหน้าแล้ว แต่ล้มดีลไป เพราะติดปัญหาเรื่องบุคลากร ตอนนี้ก็เริ่มคุยรอบใหม่ มองโรงพยาบาลขนาดมูลค่าหลักสิบล้านบาทไปถึงหลักร้อยล้านบาท อยากเทคโอเวอร์เลย เน้นโรงพยาบาลเฉพาะทาง เพราะหากเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่เราคงสู้ราคาไม่ไหว และต้องการบริหารเอง โดยจะใช้บริษัทลูกเข้าซื้อเพื่อต่อยอดธุรกิจและมีแผนนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป ซึ่งปัจจุบันบริษัทนี้ผลิตให้กับโรงพยาบาลจุฬาฯ และสมิตติเวช อยู่แล้ว"นายทักษะ กล่าว
ส่วนการที่บริษัทเข้าไปซื้อหุ้น IPO ของบริษัท Versalink Holdings Ltd ซึ่งเป็นกิจการในมาเลเซีน แต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยถือหุ้น 5% ไว้แล้วนั้น หากราคาหุ้นปรับลงบริษัทก็จะเข้าซื้อเหุ้นพิ่ม เพราะมองว่าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพ ซึ่งการเข้าถือหุ้นดังกล่าวเพื่อช่วยด้านกลยุทธ์การตลาดหากคู่แข่งในมาเลยเซียจะมาเสนองานในไทยด้วย
นายทักษะ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 58 เติบโต 15% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้กว่า 4,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 56 ที่มีรายได้ 3,600 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 10% โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ(backlog)ราว 3,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 58 ราว 2,000 ล้านบาท และในปี 59 อีก 1,000 ล้านบาท แต่ระหว่างทางบริษัทก็จะมีงานใหม่เข้ามาเติมอย่างต่อเนื่อง
ด้านกำไรจากการดำเนินงานปกติในปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 10-20% ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษขายหุ้น บมจ.เอ็ม เอฟ อี ซี(MFEC)ที่บันทึกกำไรราว 360 ล้านบาท จะทำให้ปีนี้กำไรสุทธิของบริษัททำจุดสูงสุดใหม่ จากปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานปกติราว 422 ล้านบาท เพราะครึ่งแรกของปี 57 บริษัทมีกำไรแล้ว 576 ล้านบาท
และในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนราว 150 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรให้ทันสมัยและขยายสำนักงานในพื้นที่เดิมเพิ่มเติม โดยมองว่าตลาดเฟอร์นิเจอร์ในปีหน้าทั้งสำนักงานและบ้านน่าจะกลับมาเติบโตตามปกติ จากครึ่งแรกของปีนี้ที่ชะลอตัวไปจากสถานการณ์ทางการเมืองตึงเครียด แต่ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณค่อยๆกระเตื้องขึ้นแล้ว
"ปี 58 น่าจะกลับมาทั้งตลาดเฟอร์ฯบ้านและออฟฟิศ ซึ่ง 80% เป็นตลาดออฟฟิศ และ 20% เป็นตลาดบ้าน แต่จากนี้ไปจะขยายตลาดเฮลท์แคร์ การศึกษา และสุขภาพมากขึ้น แต่นโยบายก็ยังเป็นงานโครงการมากกว่า retial"นายทักษะ กล่าว