AIRA & AIFUL Public Company Limited ก่อตั้งด้วยทุนจดทะเบียนแรกเริ่ม 1,000 ล้านบาท และจะมีการเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ถือหุ้นที่เป็นสัญชาติไทย 51% เป็นสัดส่วนการลงทุนของ AIRA 30% และกลุ่มนักธุรกิจชาวไทย 21% และมีผู้ถือหุ้นสัญชาติญี่ปุ่น 49%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลในประเทศไทยของบริษัทร่วมทุนนั้น ตั้งเป้านำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทันทีเพื่อรองรับการลงทุนและขยายยอดสินเชื่อ พร้อมได้เตรียมแผนธุรกิจในระยะ 3 ปีแรกที่มุ่งมั่นว่าจะเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ พร้อมขยายฐานลูกค้าไม่ต่ำกว่า 500,000-1,000,000 ราย
นางนลินี กล่าวว่า บริษัทร่วมทุน AIRA & AIFUL Public Company Limited เบื้องต้นตั้งเป้ายอดปล่อยสินเชื่อปีแรกไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท โดยเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีฐานเงินเดือนตั้งแต่ 1-1.5 หมื่นบาทขึ้นไป ขณะที่การขยายสาขาปีแรกนั้น แผนเบื้องต้นคือ 10 สาขา ใช้งบลงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท/สาขา และจะขยายสาขาในกรุงเทพเป็นหลัก
"เรามั่นใจว่าจะสามารถขยายการปล่อยสินเชื่อได้ถึงแม้ว่าปัจจุบันหนี้ครัวเรือนของไทยจะค่อนข้างสูง แต่เศรษฐกิจของไทยยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีเมือเทียบกับภูมิภาค รวมไปถึงประชาชนภาคการเกษตรมีแนวโน้มเข้ามาทำงานภาคบริการมากขึ้น ทำให้ความต้องการสินเชื่อมีแนวโน้มสูงขึ้น เรามองว่าอีก 5-7 ปีตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลของไทยจะเติบโตได้อีก 2 เท่าจากปัจจุบันที่ราว 1.5 แสนล้านบาท และด้วยประสบการณ์ของ AIFUL ในประเทศญี่ปุ่นกว่า 50 ปีจะช่วยเราได้ และเราก็จะดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง ซึ่งเรามีนโยบายที่จะดูแลให้ NPL ไม่เกิน 3-5%"นางนลินี กล่าว
นางนลินี กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนบริษัทในเครือให้เป็นอย่างน้อย 8 บริษัท ภายในระยะเวลา 5-8 ปี โดยปัจจุบันมีบริษัทอยู่ในเครือแล้ว 5 บริษัท ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อร่วมทุนและซื้อกิจการอีก 3 ดีล คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงครึ่งปีแรกของปี 58 ซึ่งจะยังอยู่ในธุรกิจการเงิน อาทิ สินเชื่อ ประกัน รวมถึงบริการด้านสินทรัพย์
ส่วนผลประกอบการในปีนี้ นางนลินี กล่าวอีกว่า AIRA มั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรได้ แม้ว่าครึ่งปีแรกจะขาดทุนราว 16.02 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจหลักทรัพย์ขยายตัวได้ค้อนข้างดีในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น โดยส่วนแบ่งการตลาดของ บล.ไอร่า ปรับตัวเพิ่มมากขึ้นเป็น 1.5% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่เพียง 1%
ด้านนายไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไอร่า เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีบัญชีลูกค้าอยู่ราว 3 หมื่นบัญชี ซึ่งในจำนวนนดังกล่าวเป็นบัญชีที่มีความเคลื่อนไหวสม่ำเสมอราว 3-4 พันบัญชี โดยแผนธุรกิจในปี 58 บริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น อาจจะใช้รูปแบบการจับมือกับพันธมิตรในต่างประเทศนำผลิตภัณฑ์เข้ามาเสนอให้ลูกค้าในประเทศไทย รวมทั้งการรับทำหน้าเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนพร้อมกันใน 2 ตลาด