โบรกเกอร์ คาด SET Index ปี 58 แตะ 1,700-1,750 จุดรับแรงหนุนลงทุนภาครัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 5, 2014 17:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในปี 58 จะแตะระดับ 1,700-1,750 จุดได้ โดยจะได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ และทำให้มีการลงทุนด้านอื่น ๆ เกิดขึ้นตามมา ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศให้มีการเติบโต ประกอบกับ นโยบายด้านอื่นที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจที่จะส่งผลไปถึงการจับจ่ายของภาคครัวเรือนให้กลับมาดีขึ้น หลังจากปีนี้การจับจ่ายลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงต่อการลงทุนที่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก อาทิ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะมีขึ้นในช่วงกลางปีหน้า รวมทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจของนยุโรปที่ยังไม่ดี และยังไม่มีท่าทีที่จะฟื้นตัวได้มาก ประกอบกับการการเติบโตของเศรษฐกิจในสหรัฐฯว่าจะมีการเติบโตอย่างโดดเด่นหรือไม่

ส่วนเรื่องกระแสเงินทุนไหลเข้าและออก คาดว่านักลงทุนต่างชาติจะอิงไปทางขายสุทธิ ซึ่งจะทำให้มีกระแสเงินทุนไหลออกไปค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากมีการลงทุนภาครัฐเกิดขึ้นจริงก็จะสามารถดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้กลับเข้ามาลงทุนได้ ก็จะมีกระแสเงินทุนไหลเข้ามากขึ้น ประกอบกับ ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบมากขึ้น จึงมองว่าประเทศไทยมีโอกาสที่จะได้รับอานิสงส์เชิงบวกเช่นกัน

นอกจากนี้ คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 58 จะเติบโต 12-15% เนื่องจากในปีนี้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)เร่งอนุมัติโครงการต่างๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งโครงการที่ได้รับการอนุมัติจาก BOI ไปแล้วจะเริ่มเห็นผลที่ชัดเจนในปีหน้า โดยกลุ่มที่จะได้รับผลดี ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มธุรกิจอาหาร

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย คาดว่า SET Index ช่วงต้นปี 58 มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นไปถึง 1,720 จุด โดยได้รับแรงผลักดันจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะชัดเจนและดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากภาครัฐมีการออกนโยบายเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างเช่นเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก็จะส่งผลลูกโซ่ไปตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้มากขึ้นจากกำลังซื้อที่กลับมาดีขึ้น หลังจากปีนี้กำลังซื้อหดหายไปค่อนข้างมาก จากปัจจัยดังกล่าวจะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย(GDP)ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ประมาณการว่าบริษัทจดทะเบียนในประเทศในปี 58 ที่นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่ากำไรจะเติบโต 16% นั้น อาจจะมีโอกาสปรับขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนด้วย แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯในช่วงกลางปี 58 เพราะจะทำให้เงินทุนไหลออก แต่ล่าสุด BOJ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจช่วยให้กระแสเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาบ้าง ประกอบกับนักลงทุนยังจับตาการะประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB)ว่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่

นายเผดิมภพ แนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ได้ประโยชน์จากโครงการก่อสร้างของรัฐบาล เช่น CK และ ITD รวมทั้งหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนที่เป็นรูปแบบใหม่ เช่น BCP ที่เห็นได้ชัดจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่น และหุ้นกลุ่มสื่อสารที่มีการจ่ายปันผลดีสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว INTUCH และ ADVANC

สำหรับการลงทุนในปีนี้ แนะนำให้เข้าลงทุนในช่วงกลางเดือน พ.ย.ซึ่งตามสถิติย้อนหลังตลาดหุ้นมักจะปรับตัวลดลง ถือเป็นโอกาสในการซื้อสะสม เพื่อรอจังหวะขายทำกำไรหลังจากนี้ โดยเฉพาะในช่วงเดือน ธ.ค.ที่ปกติเป็นเดือนที่ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากแรงซื้อของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ