สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 94,386 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 65,592 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 69.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 20,925 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 22.2% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,787 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.9% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB21DA (รุ่นอายุ 4.6 ปี, 2.6 ปี และ 7.1 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 12,632 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW194A) มูลค่า 420.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC19OA) มูลค่า 418.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT162A) มูลค่า 280.4 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,119.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 62.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 4,854 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,737 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 348 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.57% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.07%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 6 เดือนขึ้นไป ประมาณ 1-8 bps. ล่าสุดผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 6:1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% ต่อปีตามตลาดคาดไว้ โดยประเมินว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปัจจุบัน ไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัว อีกทั้งสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินระยะยาว สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 348 ล้านบาท