การลงทุนดังกล่าวจะไม่รวมอยู่ในงบลงทุนที่บริษัทตั้งไว้แล้วในช่วงปี 58-60 ราว 3 พันล้านบาทในการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมเฟส 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำบาก แต่หากมีการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติมบริษัทยังมีความสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีก เพราะปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำอยู่ที่ 0.9% (งบรวม)
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เฟส 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน กำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 5 พันล้านบาท โดยได้ว่าจ้าง บมจ.ช.การช่าง (CK) เป็นผู้ก่อสร้าง คาดว่าจะเซ็นสัญญาภายในสิ้นปีนี้ และจะเริ่มก่อสร้างต้นปี 58 มีกำหนดจ่ายไฟฟ้า(COD) กลางปี 60
ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำบาก ในสปป.ลาว กำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ คงเลื่อนการเซ็นสัญญาสัมปทานและซื้อขายไฟฟ้าออกไปต้นปี 58 จากเดิมคาดว่าจะเซ็นสัญญาในสิ้นปีนี้ แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบแผนในภาพรวม
นางสาวปิยนุช คาดว่า ในปี 57 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 7 พันล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปีก่อน โดยในไตรมาส 3/57 นี้จะเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการดีที่สุดในรอบปี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนให้การผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่สปป.ลาวดีขึ้น หลังจากไตรมาส 2/57 เป็นฤดูแล้ง