ทั้งนี้ บริษัทฯได้ลงนามแต่งตั้ง บล. โนมูระ พัฒนสิน และบล.เออีซี เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่าย 7 แห่ง ประกอบด้วย บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย บล.เคที ซีมิโก้ บล.เคจีไอ บล.ฟิลลิป บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.แอพเพิล เวลธ์ และบล.คันทรี่กรุ๊ป โดยมี บล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ JSP กล่าวว่า เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จำนวน 3.12 พันล้านบาทจะนำไปซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต โดยเน้นแถบชานเมืองและปริมณฑล คิดเป็นสัดส่วน 50% ของเงินที่ได้จากการระดมทุน โดยโครงการที่จะพัฒนายังคงเป็นอาคารพาณิชย์แนวราบ ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
สำหรับโครงการใหม่ในปี 58 บริษัทได้เตรียมพัฒนาโครงการสำเพ็ง 2 เฟสใหม่ในช่วงไตรมาส 2/58 บนที่ดิน 40 ไร่ มูลค่าโครงการราว 1.7 พันล้านบาท และในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือในปี 60 บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าเข้ามาในสัดส่วน 5 % จากปัจจุบันที่มีรายได้จากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว 100% โดยรายได้จากค่าเช่าจะมาจากโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ไมอามี่บางปูที่จะมีกำหนดสร้างเสร็จในช่วงปี 59
นายทนงศักดิ์ กล่าวว่า ในปี 57 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตราว 200% จากสิ้นปี 56 ที่มีรายได้อยู่ที่ 847.39 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้จะมีการโอนโครงการสำเพ็ง 2 เฟส 1 และ 2 เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการโอนไปแล้ว 80% ประกอบกับมีการโอนโครงการสำเพ็ง 2 เฟส 3 บางส่วน จึงทำให้รายได้ในปีนี้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้(backlog)อยู่ที่ 7 พันล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ส่วนหนึ่ง และจะทยอยรับรู้ฯไปจนถึงปี 60
ด้านนายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บล.โนมูระ พัฒนสิน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่าย ระบุว่า ราคาหุ้น JSP ที่ระดับ 2.60 บาท ถือเป็นระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน คิดราคาจาก P/E ที่ 18.57 เท่า หรือมีส่วนลดกว่า 60% เมื่อเทียบกับ P/E ของตลาด mai ย้อนหลัง 1 ปี ซึ่งจากการเดินสายนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุนที่ผ่านมาทั้งหาดใหญ่ ขอนแก่น เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ ปรากฎว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังข้อมูลกว่า 1,200 คน ถือว่าเป็นการตอบรับที่ดีมาก จึงทำให้มั่นใจหุ้น IPO ของ JSP จะได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในวันเปิดจองซื้อ และคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังอย่างแน่นอน
ทั้งนี้จำนวนหุ้น IPO 1,200 ล้านหุ้น จะแบ่งขายให้กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 460 ล้านหุ้น นักลงทุนสถาบันในประเทศ 50 ล้านหุ้น และส่วนที่ 690 ล้านหุ้น จะเสนอขายให้แก่นักลงทุนรายย่อย
อนึ่ง JSP เป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์แนวราบและที่อยู่อาศัย ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูล มโนธรรมรักษา โดยบริหารงานผ่าน 4 บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ไชน่าเซ็นเตอร์ จำกัด 2.บริษัท เจ เอส พี โกลเด้นท์ แลนด์ จำกัด 3.บริษัท สำเพ็ง 2 พลาซ่า จำกัด และ 4.บริษัท เจ เอส พี พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ปัจจุบันมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 3 โครงการ ได้แก่ โครงการสำเพ็ง 2 มูลค่า 7,500 ล้านบาท โครงการที่อยู่อาศัยแบบผสม ทิวลิปสแควร์ มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาทและโครงการที่พักอาศัยไมอามี่ บางปู ซึ่งเป็นวิลล่าคอนโดหรูติดทะเล มูลค่า 5,500 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2557 บริษัทฯมีรายได้ 2081.42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 432.57 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการสำเพ็ง 2 เฟส 1 และเฟส 2 อย่างต่อเนื่อง และยังมียอดจองเพื่อรอรับรู้รายได้อีกราว 7,000 ล้านบาท