สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 70,113 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 56,439 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 80.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 9,702 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 13.8% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,751 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB15DA, LB196A และ LB155A (รุ่นอายุ 1.1 ปี, 4.6 ปี และ 0.5 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,371 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของบริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (A17OA) มูลค่า 362.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC14DA) มูลค่า 283.6 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC19OA) มูลค่า 209.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 855.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,843 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,112 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,269 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.04% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 2.62% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจโลก ล่าสุดจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 278,000 ราย จากเดิมที่ระดับ 288,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 แสดงถึงภาวะการจ้างงานที่ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงบวก ด้านผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.05% ตามที่ตลาดคาดไว้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 1,269 ล้านบาท ทั้งนี้ยอด Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้ ลดลง 1,837 ล้านบาท จาก 687,676 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน เป็น 685,839 ล้านบาท