กองทุนเน้นลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่เป็นฐานการผลิตและการส่งออกที่สำคัญของโลกและมีศักยภาพเติบโตไปพร้อมกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ราคาหุ้นในตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก ณ ปัจจุบันยังถือว่าถูก และกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโตสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น
ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนผ่านกองทุนหลัก (Master Fund) CIMB-Principal Asia Pacific Dynamic Income Fund บริหารโดย CIMB-Principal Asset Management Berhad, Malaysia เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) จุดเด่นอยู่ที่แนวทางการบริหารกองทุนเชิงรุกและปรับเปลี่ยนการลงทุนตามภาวะตลาด (Dynamic Asset and Dynamic Management) โดยสามารถลงทุนได้ทั้งหุ้น REITs ตราสารหนี้ และเงินสด และจุดเด่นเฉพาะของกองนี้ คือ การตั้งเป้าหมายการบริหารในแต่ละปีให้ได้ผลตอบแทนอย่างน้อย 8%* ซึ่งในช่วงที่ผ่านมากองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนสูงถึง 75.52% หรือเฉลี่ยปีละ 25.17% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (30 กันยายน 2557) โดยเป็นกองทุนที่ได้รับการจัดอันดับถึง 5 ดาวจาก Morningstar จากผลการดำเนินงานดีเด่นในช่วง 3 ปี
กองทุนหลัก CIMB-Principal Asia Pacific Dynamic Income Fund สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปี-30 กันยายน 2557 กองทุนสร้างผลตอบแทนได้ที่ 10.32% เทียบกับดัชนีเปรียบเทียบที่ 5.94% ในขณะที่ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.03% 6 เดือนอยู่ที่ 6.59% และ 1 ปีอยู่ที่ 17.27% เทียบกับดัชนีเปรียบเทียบที่ 1.94% 3.92% และ 8.00% ตามลำดับ
ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอันเป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยธนาคารกลางของประเทศญี่ปุ่นและธนาคารกลางของยุโรป (ECB) ส่งผลบวกต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคซึ่งเป็นฐานการผลิตของโลก โดยเฉพาะภาคการส่งออก กลุ่มประเทศในภูมิภาคเองก็ดำเนินนโยบายกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านเมกะโปรเจคทั้งภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน ตลอดจนการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนต่างๆ มีกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างชัดเจนและมีแนวโน้มที่นักวิเคราะห์จะปรับเพิ่มกำไร (Earning Upgrade) ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีโดยตรงต่ออัตราผลตอบแทนของกองทุน CIMB-PRINCIPAL APDI 3+3
กองทุน CIMB-PRINCIPAL APDI 3+3 มีการตั้งเป้าหมายของมูลค่าหน่วยลงทุน คือ การรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนครั้งที่ 1 เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเทียบเท่า 10.30** บาทต่อหน่วย โดยจะรับซื้อคืนในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย และครั้งที่ 2 เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 10.60** บาทต่อหน่วย ซึ่งในกรณีดังกล่าว บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งหมดและให้ถือว่าการลงทุนสิ้นสุดลง ทั้งนี้ หากภายในระยะเวลา 12 เดือนแรกนับจากวันจดทะเบียนทรัพย์สินของโครงการไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น หรือเกิดเหตุการณ์ตามเงื่อนไขการรับซื้อคืนไม่ครบทั้ง 2 ครั้ง บริษัทจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ในภายหลัง