การลงนามโครงการโรงไฟฟ้า BIC 2 นี้ ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท ซึ่งจะเพิ่มงานในมือ(Backlog)ของบริษัทอีกกว่า 4,000 ล้านบาท ในส่วนของงานก่อสร้างนั้น บริษัทมีความมั่นใจและมีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากในการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น เนื่องจากได้สร้างโรงไฟฟ้า BIC 1 มาแล้ว โดยสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาและในงบประมาณที่แน่นอน
และขณะนี้ CK และ CKP อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า SPP ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน เช่นพลังงานแสงอาทิตย์และลม คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้ และในวันที่ 23 ธันวาคม 2557 บริษัทจะมีการลงนามโครงการขยายกำลังการผลิตน้ำประปา พื้นที่สมุทรสาคร-นครปฐม และพื้นที่ปทุมธานี-รังสิต มีรวมมูลค่าทั้งหมด 3,280 ล้านบาท ซึ่งทำให้ Backlog ของบริษัท เพิ่มขึ้นกว่า 7,000 ล้านบาท โดย Backlog ณ สิ้นปีมีมูลค่า กว่า 100,000 ล้านบาท
นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ CKP เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้า BIC 2 มีกำหนดการเปิดขายไฟเชิงพาณิชย์ในปี 2560 จะสร้างรายได้ให้กับ CKP ขั้นต่ำปีละ 3,000 ล้าน ในส่วนของผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 จะเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการดีที่สุดในรอบปี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน ทำให้รายได้ของเขื่อนน้ำงึม 2 มากขึ้น โดย 9 เดือนจะมีรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท
โรงไฟฟ้า BIC-2 ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น โดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำสูงสุด 20 ตันต่อชั่วโมง ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำนวน 90 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปี ส่วนไฟฟ้าและไอน้ำส่วนที่เหลือจะจำหน่ายให้แก่บริษัทที่อยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน