ECF เผยมีความพร้อมทำโซลาร์รูฟแล้ว 13-16 MW จากเป้าหมาย 30 MW

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 10, 2014 16:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค(ECF) กล่าวถึงการขยายธุรกิจใหม่บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) ว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการลงทุนจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ รวม 6 บริษัท ซึ่งได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ GUNKUL โดยถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 74.99 และ 25.01 ตามลำดับ โดยจะใช้พื้นที่หลังคาโรงงานของ ECF และพันธมิตรรวมกันติดตั้งแผงโซลาร์ ซึ่งขณะนี้มีความพร้อมแล้วสำหรับ 13-16 เมกะวัตต์ จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30 เมกะวัตต์

ขณะที่ GUNKUL จะดำเนินการด้านระบบ การติดตั้ง ตลอดจนอุปกรณ์เทคนิคต่าง ๆ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งในอนาคตหากโครงการดำเนินการแล้วเสร็จ ECF จะรับรู้รายได้จากค่าเช่าพื้นที่หลังคา และส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของบริษัทในอนาคต

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนปีนี้ ว่า มีรายได้รวมทั้งสิ้น 944.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 855.72 ล้านบาทจำนวน 89.16 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 10.42% กำไรสุทธิ 57.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 34.18 ล้านบาท จำนวน 23.76 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 69.50%

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/57 รายได้รวมทั้งสิ้น 303.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 295.28 ล้านบาท จำนวน 7.75 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 2.63% กำไรสุทธิ 21.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 19.37 ล้านบาท จำนวน 2.42 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 12.5%

นายอารักษ์ กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทมีการติบโตเนื่องจากมีรายได้จากการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเป็นผลจากการบุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าเดิมในประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนกลุ่มลูกค้าใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา อิตาลี ตะวันออกกลาง มีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งบริษัทยังมีการควบคุมต้นทุนการผลิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 26% จากเดิมอยู่ที่ 24%

ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงโค้งสุดท้ายปี 57 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าเดิมในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มเพิ่มปริมาณคำสั่งซื้อ ตามการขยายตัวของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และความต้องการของตลาดในประเทศต่างๆที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อรายได้การส่งออก

ขณะที่แนวโน้มตลาดในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งบริษัทมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ต่างๆให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ โดยในปัจจุบันมีแบรนด์ ELEGA ใน Index Living mall และ Homepro จำนวน 13 สาขา รวมทั้งมีแผนขยายโชว์รูมเพิ่มต่อเนื่องในช่วงปีหน้าและปีต่อ ๆ ไป รวมถึงการเติบโตเพิ่มขึ้นตามสาขาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าโมเดิร์นเทรด อาทิ เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี โฮมโปร ไทวัสดุ

และ ECF ยังมีแผนการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยได้เริ่มดำเนินการเพิ่มช่องทางดังกล่าวเมื่อเดือน ต.ค. 57 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมีออเดอร์เข้ามาทางช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และมองว่าในอนาคตน่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสามารถผลักดันให้สัดส่วนรายได้ในประเทศเพิ่มมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ