นอกจากนั้น บริษัทยังคาดว่าส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจหลักทรัพย์ปี 58 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2% จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.5% ภายใต้คาดการณ์ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันของตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ราว 5 หมื่นล้านบาท จากปีนี้อยู่ที่กว่า 4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยมีปัจจัยบวกในหลายๆด้านเข้ามาสนับสนุน โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐฯที่ช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้รายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทในปีหน้าทำได้สูงกว่าปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 471 ล้านบาท
"ปี 58 เรามั่นใจว่ารายได้จากมากกว่าปีนี้เพราะตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น เรามองว่ามูลค่าการซื้อขายต่อวันจะมากกว่าปีนี้ สำหรับปีนี้เองช่วงต้นปีเราถูกผลกระทบจากการเมืองทำให้มูลค่าการซื้อขายต่ำไป แต่ครึ่งปีหลังก็ดีขึ้น ทำให้เรายังสามารถรักษารายได้ให้ใกล้เคียงปีก่อน"นายไพโรจน์ กล่าว
ส่วนธุรกิจวาณิชธนกิจนั้น ปัจจุบันบริษัทมีดีลในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในช่วงปี 58 อีกราว 3-4 ดีล และมีดีลควบรวมกิจการ(M&A)อีก 3-4 ดีล โดยมูลค่าธุรกรรมราว 500 ล้านบาท/ดีล
ด้าน Mr. Chang-Su Rue รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EUGENE เปิดเผยว่า บริษัทเป็นบริษัทหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งการร่วมมือกับ บล.ไอร่า ในครั้งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนบทวิเคราะห์ การบริหารกองทุน เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าประเทศไทยมีความน่าสนใจในการลงทุนค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นจุดศูนย์กลางของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะในธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาหาร การเกษตร รวมไปถึงการท่องเที่ยว ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยให้นักลงทุนและเจ้าของกิจการของทั้ง 2 ประเทศมีช่องทางใหม่ๆในการลงทุนและการระดมทุนมากขึ้น