บมจ.ผาแดงอินดัสทรี(PDI)ฯและบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/57 มีกำไรสุทธิ 166.1 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.73 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 44.71 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.20 บาท
พร้อมชี้แจงว่า บริษัทฯมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 101.17 ล้านบาทในไตรมาส 3/56 เป็น 296.40 ล้านบาทในไตรมาส 3/57 เป็นผลมาจากภาวะตลาดโลหะสังกะสีปรับตัวดีขึ้น ราคาโลหะสังกะสีในตลาด LME และ พรีเมียมการขายปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่การอ่อนค่าของเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯช่วยส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย
ตลาดโลหะสังกะสีโลกยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นผลดีต่อบริษัท เป็นผลจากการคาดการณ์ว่าปริมาณโลหะสังกะสีที่ผลิตได้จะยังคงน้อยกว่าความต้องการใช้ ราคาโลหะสังกะสีเฉลี่ยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นจาก 1,860 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในไตรมาส 3/56 อยู่ที่ 2,311 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในไตรมาส 3/57 และเงินบาทอ่อนค่าจาก 31.62 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 3/56 เป็น 32.24 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในไตรมาส 3/57 และบริษัทได้รับผลดีจากค่าพรีเมียมของโลหะสังกะสีในตลาดเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
รายได้จากการขายสินค้าและบริการ 1,450.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.15 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7 จากรายได้การขายสินค้าและบริการทั้งสิ้น 1,357.50 ล้านบาท ในไตรมาส 3/56 ขณะที่ต้นทุนขายสินค้าจานวน 1,154.25 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 เปรียบเทียบกับ 1,256.33 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลจากการเพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ และปริมาณขายที่ลดลงร้อยละ 6 เปรียบเทียบกับปีก่อน
ค่าใช้จ่ายจากการขายและบริหารลดลง 43.24 ล้านบาท จาก 128.99 ล้านบาทในไตรมาส 3/56 เป็น 85.75 ล้านบาทในไตรมาส 3/57 เป็นผลจากค่าใช้จ่ายการขายที่ลดลงในไตรมาสนี้รวมถึงในงวดเดียวกันของปีก่อนได้มีการตั้งสารองค่าชดเชยจากคดีความฟ้องร้องเรื่องการปนเปื้อนแคดเมียมไว้ ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ค่าวัสดุอุปกรณ์การผลิต รวมถึงค่าขนส่งวัตถุดิบ ซึ่งปรับลดลงในไตรมาสนี้สอดคล้องกับปริมาณการผลิตที่ลดลง