"ในไตรมาส 4 ปีนี้ เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานของ TSE ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง เพราะจะสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปิดรับแสงแดดได้ดี ทำให้ความสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงการทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเข้าเชิงพาณิชย์จากโครงการ Commercial Rooftop เป็นปัจจัยสำคัญต่อผลักดันให้ผลประกอบการของเราเติบโตเพิ่มขึ้นได้"นางแคทลีน กล่าว
นายธีร์ สีอัมพรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TSE เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/57 (กรกฎาคม-กันยายน)ว่า บริษัทฯมีรายได้ 241 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 627% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 33 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 111 ล้านบาท พลิกจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ
ผลประกอบการไตรมาส 3/57 ที่มีรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดมาจากการรับรู้รายได้ของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยระบบโฟโต้โวลตาอิก หรือโซล่าร์เซลล์(โรงไฟฟ้า PV) ในรูปแบบโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วไปซึ่งติดตั้งบริเวณพื้นดิน หรือ Solar Farm จำนวน 10 โครงการในจังหวัดกาญจนบุรีและสุพรรณบุรี รวม 80 เมกะวัตต์ หลังเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ครบ 10 โครงการตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งมากขึ้น จากเดิมที่รับรู้รายได้จากโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าความร้อนจากแสงอาทิตย์ในระบบรางรวมแสง (Solar Thermal) ขนาด 4.5 เมกะวัตต์
ผลประกอบการของ TSE งวด 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน)บริษัทมีรายได้รวม 1,094 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 209% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (รวมรายได้อื่น และรายการพิเศษ) และสามารถทำกำไรสุทธิได้ 760 ล้านบาท พลิกจากผลขาดทุน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (รวมกำไรพิเศษทางบัญชีที่มาจากการเปลี่ยนสถานะเงินลงทุนจำนวน 450 ล้านบาท)
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และ 9 เดือนสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของ TSE ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีทั้งในแง่รายได้และกำไรสุทธิรวมถึงมีแผนงานที่ชัดเจนในการผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต"นายธีร์ กล่าว