"รายได้ของเราปีนี้ก็ยังมีการเติบโต แต่อาจจะไม่เติบโตไปอย่างที่คาด เพราะก่อนหน้านี้เราคิดว่าการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนจะกลับมาเร็วกว่านี้ แต่ภาครัฐฯต้องกลับไปทบทวนและตรวจสอบการลงทุน ส่งผลต่อความมั่นใจภาคเอกชนทำให้มีการชะลอการลงทุนออกไป เราจึงต้องพึ่งการลงทุนจากภาครัฐฯเพียงอย่างเดียว"นายประทีป กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าในปีนี้จะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปีก่อนเล็กน้อย โดยในปี 56 มีกำไรสุทธิราว 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นตามการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรสุทธิที่คาดว่าทั้งปีนี้จะสูงขึ้นเล็กน้อยมาที่ 5-6% จาก 3 ไตรมาสแรกของปีทำได้แล้วที่ 6% ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 5%
นายประทีป กล่าวว่า สำหรับปี 58 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตจากปีนี้ราว 10% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก เนื่องจากมองว่าการลงทุนของภาครัฐคงจะส่งผลต่อความต้องการอิฐมวลเบาให้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2 เป็นต้นไป แต่เชื่อว่าอัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 9% หลังจากบริษัทลดต้นทุนด้านพลังงาน เปลี่ยนจากก๊าซมาใช้เปลือกไม้ และลดต้นทุนด้านบรรจุภัณฑ์
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อที่ดินใช้เป็นแหล่งวัตถุดิบทราย มูลค่าราว 100 ล้านบาท ขนาด 170 ไร่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และในปีหน้าบริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 200 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เพื่อขยายกำลังการผลิตราว 150 ล้านบาทเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1.5 ล้านตารางเมตร จากปัจจุบัน 4.5 ล้านตารางเมตร และอีกราว 30 ล้านบาทใช้เพื่อทำระบบขนส่งเป็นของบริษัทเอง จากเดิมที่ว่าจ้างทั้งหมด
"ผลจากแผนงานต่างๆ เพื่อที่จะเป็นการลดต้นทุนจะส่งผลที่เห็นได้ชัดในปีหน้า ในปีนี้เองคงจะไม่เห็นเพิ่มมากนักเพราะกว่าจะทำแผนเสร็จก็เป็นช่วงปลายปีแล้ว"นายประทีบ กล่าว
ด้านผลประกอบการไตรมาส 3/57 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 117.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 115.52 ล้านบาท จำนวน 1.6 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 1.38 % มีกำไรสุทธิ 19.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 3.10 ล้านบาท จำนวน 16.45 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 530.65%
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 57 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 337.55 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.08% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 303.89 ล้านบาท โดยรายได้รวมประกอบด้วย รายได้จากการขาย จำนวน 314.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 303.09 ล้านบาท จำนวน 11.81 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 3.90 % และมีรายได้อื่น จำนวน 22.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3,897.13% ขณะที่กำไรสุทธิรวม จำนวน 40.84 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 315.32 % จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.83 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่ราคาจะเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากความต้องการของตลาดชะลอตัวตามปัจจัยทางการเมืองทำให้ราคาขายปรับลดลงทั้งตลาดวัสดุก่อสร้าง นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้พิเศษจำนวน 22.65 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการแบ่งขายที่ดินเปล่าบางส่วนที่ไม่ได้ใช้ในการดำเนินธุรกิจให้กับ บริษัท ซีซีพี เพวิ่งสโตนส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ จำนวน 21.98 ล้านบาท และ 0.67 ล้านบาท เป็นในส่วนของรายได้จากอัตราแลกเปลี่ยน และรายได้จาการขายของเบ็ดเตล็ด
อีกทั้งเป็นผลมาจากการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และลดต้นทุนเชื้อเพลิง รวมถึงผลจากการรีไฟแนนซ์ภาระหนี้จากสถาบันการเงินเดิมไปยังสถาบันการเงินใหม่ ซึ่งมีเงื่อนไขการสนับสนุนที่ดี ทำให้กิจการมีต้นทุนทางการเงินลดลงและส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น