บริษัทจะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ Engineer for Growth อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากแผนบางส่วนที่ได้ดำเนินการไปแล้วเริ่มเห็นผลสำเร็จอย่างรวดเร็วและชัดเจนจากกำไรในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการโอนที่ดีในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากแผนการโอนส่งมอบคอนโดมิเนียมเพื่อตอบรับความต้องการเข้าอยู่อาศัยของลูกค้าประมาณ 14 โครงการทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะมียอดโอนในช่วงไตรมาส 3 ถึงประมาณ 7,000 ล้านบาท รวมทั้งล่าสุดบริษัทคาดการณ์อัตรากำไรสุทธิที่ 12% ภายในสิ้นปี 57 หรือในอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นมากกว่านี้
"เม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหลังจากการเพิ่มทุน ไปจนถึงเม็ดเงินที่จะได้รับหลังจากการใช้สิทธิ์ซื้อวอร์แรนท์นั้น จะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนสูงกว่า 19,800 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้แสนสิริสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งด้านการขยายฐานการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั่วประเทศได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจากการลดสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Gearing Ratio) ลงจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.14 เหลือ 0.8 – 1 เท่าใน 3 ปีข้างหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรในอนาคตอย่างเต็มที่" นายวันจักร์ กล่าว
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทยังร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เดินทางไปโรดโชว์ที่นิวยอร์กและซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทได้ให้ข้อมูลเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ลงทุน รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงภาพรวมธุรกิจและความแข็งแกร่งของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนการเพิ่มทุนภายใต้แบรนด์ที่แข็งแกร่ง และแผนการดำเนินธุรกิจ Engineer for Growth ซึ่งได้รับการตอบรับและการให้ความสนใจในการตอบการซักถามประเด็นดังกล่าวจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี ทั้งนี้นักลงทุนยังให้ความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของบริษัท และมุ่งความสนใจไปที่กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและการเติบโตของบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเห็นว่าการได้พันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างบมจ. บีทีเอส กรุ๊ป (BTS) ซึ่งมีความแข็งแกร่งในด้านเงินทุนและมีที่ดินที่พร้อมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เข้ามาร่วมทุน ยังเป็นการรองรับการขยายการพัฒนาโครงการที่ดีในอนาคตอีกด้วย