แม้ว่าการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้จะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย หลังจากปรับลดจำนวนลงเหลือ 62 โครงการ มูลค่า 5.83 หมื่นล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ในเบื้องต้น 73 โครงการ มูลค่า 7.24 หมื่นล้านบาทเป็นผลจากความล่าช้าของการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยในไตรมาส 4/57 บริษัทเตรียมเปิดตัวอีก 10 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 9.6 พันล้านบาท
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PS กล่าวว่า กำไรสุทธิในปี 57 จะทำสถิติสูงสุด (New High) ต่อเนื่องจากปี 56 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5.8 พันล้านบาท หลังกำไรสุทธิของบริษัท 9 เดือนแรกของปี 57 อยู่ที่ 4.77 พันล้านบาท
อีกทั้งคาดว่ารายได้ในปีนี้จะทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 4.2 หมื่นล้านบาท หลังมีรายได้ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 3.03 หมื่นล้านบาท โดยในไตรมาส 4/57 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่บริษัทมีรายได้สูงที่สุดในปีนี้อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/57 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1.15 หมื่นล้านบาท
สำหรับยอดขายโครงการในปีนี้ยังคงเป้าไว้ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท โดย 9 เดือนแรก บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้วที่ 3.13 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะมีการปรับลดจำนวนโครงการเปิดใหม่ลงเหลือ 62 โครงการ มูลค่ารวม 5.83 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 73 โครงการมูลค่ารวม 7.24 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัท 1 โครงการยังไม่ได้รับอนุมัติการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) และโครงการแนวราบบางโครงการอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคู่แข่ง ซึ่งคู่แข่งได้เปิดตัวไปก่อนแล้ว ทำให้บริษัทตัดสินใจเลื่อนเปิดโครงการออกไป เนื่องจากไม่ต้องการแย่งลูกค้าและแข่งขันกับคู่แข่งอย่างรุนแรง ทำให้ต้องมีการเลื่อนเปิดโครงการใหม่ออกไป 11 โครงการ มูลค่าราว 1 หมื่นล้าน ไปเปิดในปี 58 ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นช่วงจังหวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
“ปีนี้ที่ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ยังติดลบ 10% จากสถานการ์ณความไม่สงบทางการเมืองในช่วงต้นปี แต่ตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มกลับมาดีขึ้น กำลังซื้อและความเชื่อมั่นเริ่มดีขึ้นมาเรื่อยๆ เรามองว่าการเลื่อนเปิดโครงการใหม่ไปในปีหน้าเป็นจังหวะที่ดี เพราะตลาดฟื้นตัวแล้ว ถ้าเทียบกับปีนี้ภาพรวมปีหน้าน่าจะโตได้ 10% แต่สำหรับปีนี้ยอดขายที่เราตั้งไว้ 4.3 หมื่นล้านบาท เราก็ลุ้นๆอยู่ให้เราสามารถทำได้ตามเป้าหมาย"นายทองมา กล่าว
ส่วนโครงการใหม่ในไตรมาส 4/57 บริษัทได้วางแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 10 โครงการ มูลค่ารวม 9.6 พันล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว 4 โครงการ โครงการทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ ทั้งนี้ 9 เดือนแรก บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 52 โครงการ มูลค่ารวม 4.87 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้รับการทาบทามจากบริษัทต่างประเทศในประเทศมาเลเซีย ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆในประเทศมาเลเซีย เข้ามาพูดคุยกับบริษัท เพื่อเสนอให้มีการร่วมทุนกับบริษัทดังกล่าวในการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังริมทรัพย์ในประเทศมาเลเซีย แต่บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณา ซึ่งยังไม่ได้มีการตัดสินใจอย่างแน่นอน เนื่องจากมองเห็นถึงโอกาสการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังมีโอกาสในการเติบโตอยู่มาก และบริษัทยังไม่มีความพร้อมมากที่จะเข้าไปรุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตถ้ามีโอาสกที่ดีและบริษัทมีความพร้อมอย่างมากบริษัทก็สนใจร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ
“ตอนนี้มีบริษัทของมาเลเซียมาคุยกับเราให้ไปร่วมทุนกับเขาเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศมาเลเซีย แต่เรายังเห็นว่าในประเทศยังมีโอกาสอยู่เยอะมาก ยังไม่อยากออกไปต่างประเทศเต็มตัว แค่งานในประเทศเราก็ยุ่งมากอยู่แล้ว ที่เขามาทาบทามเราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไป แต่ถ้าอนาคตเราพร้อมจริงๆและมีพันธมิตรมาชวนเรา เราก็มีโอกาสจะไปได้เช่นกัน"นายทองมา กล่าว
ด้านนายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ PS กล่าวว่า สิ้นไตรมาส 3/57 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 3.87 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในไตรมาส 4/57 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท และทยอยรับรู้อีกในปี 58 จำนวน 1.62 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 1.05 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 59
สำหรับการเปิดโครงการใหม่ในปี 58 คาดว่าจะเปิดทั้งหมดประมาณ 80 โครงการ โดยมูลค่าโครงการรวมอยูระหว่างการทำแผนงานปี 58 ทั้งนี้ในปี 58 บริษัทจะเพิ่มสัดส่วนโครงการคอนโดมิเนียมเป็น 25% จากปัจจุบันมีสัดส่วนโครงการที่ 20% และโครงการแนวราบจะลดเหลือเป็น 75% จากปัจจุบันที่ 80% และสัดส่วนยอดขายและรายได้ของโครงการในต่างจังหวัดจะเพิ่มเป็น 8-9% ในปีหน้าจากปัจจุบันอยุ่ที่ 7% โดยจะเน้นพัฒนาดครงการในจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ อย่างเช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต ระยอง และอยุธยา
นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปี 58 จะทำสถิติสูงสุด (New High) ต่อเนื่องจากปี 57 จากการรับรู้รายได้โครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่จะเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับมีจำนวนการเปิดโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้น ผลักดันยอดขายของบริษัทให้ดีขึ้น และการบริหารต้นทุนการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยทำให้ต้นทุนลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มมากขึ้น