ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 410,341 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 11, 2014 15:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (3 - 7 พฤศจิกายน 2557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 410,341 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 82,068 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 14% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 68% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 277,810 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 91,744 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 10,983 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A (อายุ 4.6 ปี) LB15DA (อายุ 1.1 ปี) และ LB21DA (อายุ 7.1 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 21,445 ล้านบาท 15,538 ล้านบาท และ 13,644 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) รุ่น AYCAL14DA (A+) มูลค่าการซื้อขาย 1,281 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รุ่น TLT14DA (AAA) มูลค่าการซื้อขาย 1,244 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) รุ่น GLOW218A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 650 ล้านบาท

ราคา (Price) ของพันธบัตรรัฐบาลอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน (Yield) ลดลง ประมาณ 0.10% - 0.15% หากเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ในการประชุม กนง. เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ให้คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% โดยมองว่าเป็นระดับที่สอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมดังกล่าวเป็นไปในทิศทางที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้แล้ว จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ไทยมากนัก นอกจากนี้แล้ว ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/57 จะขยายตัวช้ากว่าที่คาดไว้ จากสภาพเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และอาจปรับประมาณการณ์ GDP ของไทยสำหรับปี 2557 และ 2558 อีกครั้งในช่วงเดือน ธ.ค. ส่งผลให้นักลงทุนยังคงมีแรงซื้อในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้และมีส่วนทำให้ราคาตราสารหนี้ไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวสูงขึ้น

ทางด้านผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวันที่ 6 พ.ย. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.05% และพร้อมดำเนินมาตรการเพิ่มเติมในกรณีที่จำเป็น โดย ECB จะติดตามและประเมินความเหมาะสมของนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ทั้งนี้ แม้ ECB จะยังไม่มีการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพิ่มเติมตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ แต่จากถ้อยแถลงของประธาน ECB ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ที่ ECB จะดำเนินมาตรการ QE เพิ่มเติมในช่วงต้นปีหน้า เพื่อรอเวลาให้มาตรการที่ ECB ประกาศใช้ในช่วงก่อนหน้านี้ส่งผลต่อตลาดเสียก่อน และถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรติดตาม เนื่องจากจะมีผลต่อกระแสเงินทุนต่างชาติในช่วงระยะเวลาถัดไป ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (3 - 7 พ.ย. 57) เงินต่างชาติไหลเข้าสู่ตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือ > 1 ปี) 3,700 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ