ทั้งนี้ CBG จะกระจายหุ้น IPO ให้กับบุคคลทั่วไป และนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศผ่าน บล.กสิกรไทย และ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บล.บัวหลวง บล.โนมูระ พัฒนสิน และ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และ CIMB Securities (Singapore) Pte. Ltd. ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในต่างประเทศ (International Manager)
สำหรับการเสนอขายหุ้น CBG ในครั้งนี้จะเปิดให้ทั้งบุคคลทั่วไปและนักลงทุนสถาบันทำการจองซื้อหุ้นสามัญของกลุ่มบริษัทฯ ในวันที่ 12-14 พ.ย.57 โดยคาดว่า CBG จะสามารถเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2557 ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม
นายสิทธิไชย มหาคุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และหัวหน้าสายงาน Corporate Finance and Equity Capital Markets ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ราคาเสนอขาย IPO เป็นราคาที่เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน โดยกำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายจากการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) กับนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ จากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์กับนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding)ที่ 26-28 บาทต่อหุ้นนั้น ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจากการที่ CBG มี Brand ที่แข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตที่ผ่านมาในระดับที่สูง ผลการสำรวจความสนใจของนักลงทุนสถาบันที่ระดับราคา 28 บาทต่อหุ้น มียอด Bookbuilding เข้ามาสูงถึงประมาณ 10 เท่าสำหรับสัดส่วนของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CBG กล่าวว่า กลุ่มบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวไปใช้ในการชำระเงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงินซึ่งเป็นเงินกู้ที่กลุ่มบริษัทฯ ใช้ในการ (1) ขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มของบริษัทย่อย คือ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด (CBD) โดยติดตั้งสายการผลิตความเร็วสูง Krones ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากประเทศเยอรมัน (2) สร้างโรงงานผลิตขวดแก้วสีชาของบริษัท เอเชียแปซิฟิกกลาส จำกัด (APG) และ (3) ลงทุนในที่ดิน และอาคารเพื่อใช้เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีแผนการตลาดที่จะรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
“ราคาเสนอขายหุ้นเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานและฐานะทางการเงินของบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง และทางกลุ่มบริษัทฯ คาดว่าหุ้น CBG จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจที่จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นายเสถียร กล่าว
ด้านนางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ CBG กล่าวว่า ความสามารถในการทำกำไร และรายได้ของกลุ่มบริษัทฯ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ ยังมีโอกาสในการขยายตลาดในประเทศ และรุกตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเพิ่มทั้งยอดขายและส่วนแบ่งตลาด ซึ่งถือว่ายังมีสัดส่วนที่สามารถจะขยับเพิ่มขึ้นได้อีก
ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 57 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 5,638.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 523.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในปี 56 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 6,929.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,920.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38.3% จากปี 55 และในปี 55 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 5,008.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 699.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 16.2% จากปี 54 ที่กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 4,309.2 ล้านบาท โดยปี 54-56 กลุ่มบริษัทมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของรายได้จากการขายประมาณ 26.7%
ความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทฯ 9 เดือนแรกปี 57 มีกำไรสุทธิ 736.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 298.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 68.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในปี 56 มีกำไรสุทธิ 626.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 438.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 233.6% จากปี 55 ที่มีกำไรสุทธิ 187.8 ล้านบาท และในปี 54 มีกำไรสุทธิ 204.5 ล้านบาท ดังนั้น ปี 54-56 กลุ่มบริษัทมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของกำไรสุทธิประมาณ 75.0%